กรุงเทพฯ 27 ก.ค.- นักวิชาการ มอง อภิปรายนโยบายรัฐบาล สภายกระดับเล็กน้อย นักการเมืองยังใช้การเมืองแบบเก่า ชี้ประชาชนอยากเห็นการทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ แนะ “พล.อ.ประยุทธ์”ต้องปรับตัวเองควบคุมอารมณ์
นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงภาพรวมการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลว่า การอภิปรายยังมีการพูดพาดพิงเรื่องความชอบธรรมของ คสช. ที่มาของ ส.ว. ที่มาของรัฐบาล และองค์กรอิสระ โดยเฉพาะคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี มากกว่าตัวนโยบาย และเชื่อว่าหลังจากนี้กิจกรรมทางการเมือง เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายงบประมาณ จะมีเรื่องความชอบธรรมทางการเมืองเป็นระยะ
ส่วนการทำหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. ยังมีจุดยืนทางการเมืองของตนเองที่ชัดเจน โดย ส.ส.ฝ่ายค้าน พยายามชี้ให้เห็นความไม่ชอบธรรมทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมถึงความล้มเหลวในการทำงาน 5 ปี ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ขณะที่ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล และมี ส.ว.ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็น ส.ส.พิเศษให้กับรัฐบาลหรือไม่ สำหรับนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่า ควรปรับเปลี่ยนตัวเอง ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น โดยเฉพาะวิวาทะกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งตามหลักการทั่วไปของการประชุมสภา การทำงานในสภา การจะลุกพูดก็ต้องได้รับการอนุญาตจากประธานสภาให้วินิจฉัยก่อน ซึ่งมองว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คุ้นชินกับสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ทางกฎหมาย การยั่วยุทางอารมณ์ หลากหลายรูปแบบที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ ต่างจากสมัยเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
นายยุทธพร ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาว่า ลีลาการทำหน้าที่ ความเก๋าเกมทางการเมืองถือว่าเอาอยู่ การวินิจฉัยหลายเรื่องสร้างการยอมรับของสมาชิก เช่น การวินิจฉัยเรื่องจะอภิปรายคุณสมบัติ ต้องอภิปรายเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี แต่สิ่งที่น่ากังวล คือการทำหน้าที่ของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา(ส.ว.)ในฐานะรองประธานรัฐสภา ที่ไม่คุ้นชินกับสภาที่มาจากการเลือกตั้ง จึงอาจยังไม่เท่าทันบรรดานักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัว
สำหรับการการอภิปรายครั้งนี้ คงไม่มีใครได้ใครเสียทั้งสองฝ่าย และเห็นว่าสภาได้ยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมีการพูดหลักการต่างๆในสภา ดีกว่าการสาดโคลนใส่กันไปมาในรูปแบบการเมืองเก่า และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเห็นการประท้วง การใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง หรือใช้ความได้เปรียบเสียเปรียบในสภา ซึ่งประชาชนอยากเห็นการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาอย่างสร้างสรรค์ ยึดประโยชน์ของสังคมเป็นตัวตั้ง จึงขอฝากถึง ส.ส.และส.ว. ที่มีการพูดสนับสนุนระบบรัฐประหารในที่ประชุมรัฐสภา เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะผู้ที่จะเป็น ส.ส. และส.ว. ต้องเชื่อมั่น เชื่อถือในระบอบประชาธิปไตย.- สำนักข่าวไทย