จี้นายกฯ สางปมเหมืองทองอัคราฯ

รัฐสภา 4 เม.ย. – “เบญจา” จี้นายกฯ สางปมเหมืองทองอัคราฯ พาดพิงอดีตนายกฯ ทำ สส.ลุกประท้วงวุ่น จนประธานที่ประชุมต้องสั่งให้เข้าเรื่อง อย่าเอ่ยชื่อคนนอก


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) ในญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ ม.152 ซึ่งมีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายรัฐบาลถึงการจัดการเหมืองทองอัคราที่อนุญาโตตุลาการเลื่อนการชี้ขาดออกไปเป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2567 โดยตั้งข้อสงสัยถึงการยกผลประโยชน์จากขุมทรัพย์ทองคำให้แก่นายทุนต่างชาติ

น.ส เบญจา เริ่มอภิปรายด้วยการท้าวความถึงที่มาของเหมืองทองอัคราฯ เริ่มต้นมาจากการที่รัฐบาลในปี 2543 เปิดสัมปทานเหมืองแร่ทองคำชาตรีบริเวณรอยต่อ จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ และจ.พิษณุโลก โดยมีบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ของออสเตรเลีย ได้สัมปทาน และมอบหมายให้บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทลูกดำเนินการ ซึ่งเหมืองทองดังกล่าวเปิดดำเนินการในปี 2544 ตรงกับรัฐบาลไทยรักไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดเหมืองเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2544 และเริ่มขุดเหมืองในปีเดียวกันนั้น โดยยื่นขออาชญาบัตรสำรวจทองคำในปี 2546-2548 อีก 44 แปลง ขณะที่ชาวบ้านโดยรอบต้องประสบปัญหามลภาวะต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม


น.ส.เบญจา กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมขณะนั้นเพื่อขอสิทธิ์สำรวจ และได้รับประทานบัตรอีก 9 แปลง ผ่านไป 7 ปี เมื่อเกิดรัฐประหารปี 2557 ส่งผลให้เหมืองถูกปิด แต่ชาวบ้านยังคงทนไม่ได้จากมลภาวะ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สุ่มตรวจชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบเหมืองปนเปื้อน สารโลหะหนักและสารไซยาไนต์ในเลือดสูงกว่ามาตรฐาน

“เหมืองทองอัคราฯ ถูกสั่งให้ปิดเป็นเวลา 30 วันตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แร่ 2550 ซึ่งเท่ากับว่าสามารถใช้กฎหมายปกติได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ ม.44 เป็นข้ออ้าง แต่เป็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีอยากควบคุมนายทุนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลในอดีตที่มองว่าเป็นคู่ตรงข้ามกับตนเอง แต่เนื่องจากบริษัทคิงส์เกตฯ เป็นนายทุนต่างชาติจึงใช้วิธีเรียกคุยเจรจา สุดท้ายก็ตกลงกันไม่ได้ จึงใช้ข้ออ้างนี้ปิดเหมืองทอง ทำให้บริษัทคิงส์เกตฯ ยื่นเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการปิดเหมืองทองดังกล่าว” น.ส.เบญจา กล่าว

นส.เบญจา กล่าวว่า ประชาชนอาจคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์สั่งปิดเหมืองทองอัคราเพราะใส่ใจประชาชนและสิ่งแวดล้อม แต่เหมืองแร่ถ่านหินลิกไนต์ และโรงไฟฟ้าแม่เมาะที่มีข้อร้องเรียนเดียวกันกลับไม่เคยถูกสั่งปิด ทั้งยังแต่งตั้งผู้ที่เพิ่งลาออกจากคณะกรรมการอิสระของบริษัทอัคราฯ เพียง 12 วันมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรมที่ผลักดันการสร้างเหมืองแร่โปแตชอย่างถูกกฎหมาย


ผ็สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลุกขึ้นประท้วงและขอให้อภิปรายรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากเอ่ยชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่สามารถเข้ามาชี้แจงได้ หากจะกล่าวถึงความหลังให้กล่าวพอประมาณ ทำให้นายปดิพัทธ์ กล่าวเตือนให้น.ส.เบญจาเข้าเรื่อง เนื่องจากใช้เวลาปูเรื่องค่อนข้างมาก และให้ใช้คำว่า ‘รัฐบาลชุดก่อน’ หรือ ‘นายกรัฐมนตรีคนก่อน’ แทนการเอ่ยชื่อโดยตรง

นส.เบญจา กล่าวว่าเมื่อมามาถึงตรงนี้ไม่แปลกใจ เมื่อรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยยกตำแหน่งประธานคณะกรรมการแร่ฯ ให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย จึงทำให้เห็นว่าการที่พรรคเพื่อไทยเคยลั่นวาจาไว้ว่า “เมื่อไหร่ที่ พล.อ.ประยุทธ์หลุดอำนาจ พรรคเพื่อไทยจะยื่นต่อองค์กรอิสระเพื่อดำเนินคดี…” นั้นเป็นความจริงหรือแค่เทคนิคที่ใช้ในการหาเสียง

นส.เบญจา กล่าวว่า กระบวนการของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. 2563 แต่ 4 ปีผ่านไปแล้ว กลับยังไม่มีคำชี้ขาด ในขณะที่ข้อมูลจากคณะตัวแทนรัฐบาลไทยในคดีนี้แจ้งว่า บริษัทคิงส์เกตฯ มีโอกาสแพ้คดีสูงมาก เนื่องจากเอกสารที่ใช้เป็นรายงานที่ตรวจพบว่ามีการรั่วไหลของสารพิษจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่หนึ่งของเหมืองทองคำ ทำให้การตกลงชี้ขาดเลื่อนออกไป ซึ่งระหว่างนั้นภายหลังจากที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และได้เปลี่ยนชุดทำงาน ตัดข้อมูลจากพยานหลักฐานทั้งหมดออกไป ทั้งยังพบว่ามีความพยายามเจรจายกทรัพย์สินประเทศให้กับกระบวนการเอื้อประโยชน์แก่นายทุนครั้งใหญ่ จึงอยากถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลชุดนี้จะจัดการ

“ผ่านมา 212 วัน เศรษฐา มีอำนาจหรือยัง หรือถูกใครขี่คออยู่ และจะเอาอย่างไรกับการที่อดีตนายกฯ ท่านก่อน และอดีตรมว.อุตสาหกรรม ซึ่งวันนี้เป็นรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลของท่าน มีพฤติกรรมการเจรจาประเคนผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนต่างชาติเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในชาติ และรัฐบาลนี้จะทำเพื่อใคร หรือเพื่อนายทุน ดังนั้น อย่าปล่อยให้เรื่องที่พรรคเพื่อไทยขึงขังในวันนั้น ต้องจบลงอย่างปาหี่ และเป็นเพียงการใช้เทคนิคหาเสียงเท่านั้น อย่าปล่อยเรื่องมหากาพย์ให้เป็นมวยล้มต้นคนดู ” นส.เบญจา กล่าว

ผู้สื่อข่างรายงานว่า ระหว่างการอภิปราย สส.จากพรรคร่วมรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วง อาทิ น.ส.นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศีรษะเกษ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า ต้องมีความเป็นธรรมด้วยการใช้คำพูดว่า มีผู้ขี่คอท่านนายกฯ หากมีอะไรเด็ด ๆ ให้พูดออกมาเลย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงว่า ประธานต้องวางตัวเป็นกลาง ตักเตือนผู้อภิปรายให้เข้าประเด็น และไม่ควรพาดพิงบุคคลภายนอก.-312.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำไทยเลือกสันติวิธี แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- นายกฯ ลั่น “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ย้ำไทยเลือกสันติวิธี ปมชายแดนไทย-กัมพูชา แต่หากปะทะเราพร้อม ยอมรับเป็นเพื่อนที่ดี แต่จะขอบ้านเราไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม “ตระกูลชิน” เกี่ยวดอง “ฮุน เซน” แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ บอกปรึกษาทหารแล้ว งง สื่อฯ ทำไมวันนี้ ดุจัง ปลอบ ไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ลงพื้นที่ดูหน้างาน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์ชายแดน ว่า ได้เน้นย้ำสถานการณ์ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ต้องรวมกันเป็นหนึ่ง สิ่งสำคัญมาก ๆ คนไทยต้องรักกันสามัคคีกัน ไม่ใช่การเมืองในประเทศที่จะต้องมีการแบ่งฝ่ายกัน ทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ต้องสื่อสารเรื่องนี้ว่าถึงเวลาที่เรามีปัญหาระหว่างประเทศเราต้องสามัคคีกัน ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง รักกันของคนในชาติ รัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ฝ่ายค้าน รัฐบาลก็คือประเทศไทย และการแสดงความเห็นและการปล่อยข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ถ้าถามว่ารัฐบาลเคลื่อนไหวอย่างไรนั้น รัฐบาลทำเต็มที่และรักษาอธิปไตยของเราเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลและทหาร คุยกันตลอดว่า จะไปทางไหนอย่างไรเราต้องมั่นใจว่าเราเป็นประเทศไทยเพลงชาติไทย เขาเรียกว่า […]

‘อี แจ-มยอง’ คว้าชัยเลือกตั้ง ปธน.เกาหลีใต้

โซล 4 มิ.ย. – อี แจ-มยอง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ พร้อมประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน ขณะที่ คิม มุน-ซู คู่แข่งจากพรรคพลังประชาชน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นายอี ได้ชัยชนะการเลือกตั้งหลังจากการนับคะแนนผ่านไปร้อยละ 94.4 และเมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน นายอี ได้คะแนนเสียงไปแล้วร้อยละ 48.8 และนายคิม คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคพลังประชาชน แนวอนุรักษ์นิยม ได้ร้อยละ 42 แม้ว่าคะแนนที่ยังไม่ได้นับ จะตกเป็นของนายคิมแต่ก็ยังตามนายอีไม่ทัน ซึ่งทำให้นายอี ยืนยันชัยชนะของเขาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2540 ในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 44.4 ล้านคน มีผู้มาใช้สิทธิราว 35.24 ล้านคนตามหน่วยเลือกตั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.1 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในปี 2565 นายอีกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันลืมหน้าที่ของประธานาธิบดีในการสร้างความเป็นเอกภาพของผู้คนในประเทศ และว่าเขาจะหาวิธีให้ประเทศอยู่ร่วมกับเกาหลีเหนือได้โดยผ่านการเจรจาและพูดคุยกัน ด้าน นายคิม […]

รัฐบาลออกแถลงการณ์ปมไทย-กัมพูชา ยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- รัฐบาล ออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยัน ตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ยึดหลักแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และสวัสดิภาพของประชาชน ย้ำ ชายแดน มีความสงบเรียบร้อย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมทุกภาคส่วนของ รัฐบาลภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เช้าวันนี้ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวดังต่อไปนี้ แถลงการณ์รัฐบาล “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม โดยจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นแนวที่ถือปฏิบัติเสมอมา แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีสถานการณ์จากการปะทะดังกล่าวทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ภายหลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรี […]

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย