
ชายวัย 60 ขอโทษทำร้ายพยาบาล อ้างกลัวตายถูกจับใส่เครื่องช่วยหายใจ
ชายวัย 60 ปี คลั่งทำร้ายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ อ้างกลัวตายถูกจับใส่เครื่องช่วยหายใจ แค่มาเอายาหอบหืด ยอมรับเมา อยากขอโทษพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคน
ชายวัย 60 ปี คลั่งทำร้ายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ อ้างกลัวตายถูกจับใส่เครื่องช่วยหายใจ แค่มาเอายาหอบหืด ยอมรับเมา อยากขอโทษพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคน
ตาก 20 ก.พ.- ชายชาวเอธิโอเปีย 1 ในชาวต่างชาติ 260 คนที่ถูกส่งจากจังหวัดเมียวดีของเมียนมามายังอำเภอพบพระ จังหวัดตากของไทยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เปิดเผยว่า ถูกแก๊งสแกมเมอร์ทำร้ายทุกวัน ชายชาวเอธิโอเปีย วัย 19 ปี และเพื่อนชาติเดียวกันอีก 3 คน ซึ่งกำลังอยู่ในค่ายที่พักของกองทัพไทย ให้ผู้สื่อข่าวดูรอยฟกช้ำและแผลเป็นตามร่างกายที่เกิดขึ้นในช่วงที่อยู่ในสถานที่ตั้งของแก๊งหลอกลวงออนไลน์ เขากล่าวว่า ถูกลงโทษด้วยปืนช็อตไฟฟ้าทุกวัน โดยถูกล่อลวงให้เดินทางมาไทยเพื่อมาทำงานในกรุงเทพฯ แต่กลับถูกนำตัวไปเมียนมา ขณะที่ชายชาวบังกลาเทศ วัย 21 ปี กล่าวว่า เมื่อสามารถทำให้เป้าหมายการหลอกลวงตกหลุมรัก พวกเขาก็จะเริ่มล้างสมองเป้าหมายเรื่องการหาเงิน แต่หากไม่สามารถทำได้ ก็จะถูกทุบตีทำร้าย พร้อมกับยืนยันว่าพวกเขาไม่ใช่สแกมเมอร์ แต่เป็นเหยื่อ ชาวต่างชาติบางคนที่ได้รับการช่วยออกมาเปิดเผยว่า ถูกบังคับทำงานวันละเกือบ 20 ชั่วโมง ให้หลอกลวงผู้ชายให้หลงรักผ่านแอปพลิเคชันสนทนา เช่น วอตส์แอป รอยเตอร์อ้างข้อมูลของสหประชาชาติว่า แก๊งอาชญากรรมได้ค้ามนุษย์คนจำนวนหลายแสนคนมาหลายปีแล้ว ด้วยการพาไปยังสถานที่ตั้งแก๊งสแกมเมอร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงแนวชายแดนไทย-เมียนมา บังคับให้คนเหล่านี้ทำงานหลอกลวงออนไลน์ แต่ทางการไทยเพิ่งเริ่มการกวาดล้างเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ หลังเกิดกรณีของนายหวัง ซิงซิง นักแสดงชาวจีนถูกล่อลวงมาไทยให้คัดเลือกนักแสดงแต่ถูกนำตัวไปบังคับทำงานในเมียวดี ทางการไทยเริ่มระงับการส่งออกไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง […]
ผอ.รพ.ระยอง-เพื่อนพยาบาลที่ถูกญาติคนไข้ทำร้าย เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงที่ สธ. ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะที่พยาบาลที่ถูกทำร้ายยังมีอาการเครียด ด้านตำรวจจ่อออกหมายเรียกมือตบมารับทราบข้อกล่าวหา
ชายวัย 46 ปี อุ้มไรเดอร์เข้าบ้านซ้อมจนน่วม โชคดีตำรวจช่วยเหลือได้ทัน อ้างรู้สึกถูกบุกรุกเลยก่อเหตุ ส่วนอาวุธปืน ยืนยันมีทะเบียนถูกต้อง
แชร์ว่อนโซเชียล พระวัดบ้านบุกทำร้ายพระวัดป่า อ้างถูกท้าตีท้าต่อย โมโหพระวัดป่ากล่าวหาไม่บิณฑบาต ญาติโยมเข้าห้ามกันวุ่น
ซาอิฟ อาลี ข่าน ดาราบอลลีวู้ดชื่อดังของอินเดีย พ้นขีดอันตรายแล้ว หลังจากได้รับบาดเจ็บจากการถูกมีดแทงหลายแผลในระหว่างการต่อสู้กับผู้บุกรุกที่บ้านของเขาในนครมุมไบ
นักศึกษาสาวใช้ค้อนทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงโตเกียวได้บาดเจ็บไป 8 คน
ลูกค้าหัวร้อน บุกทำร้ายพนักงานรับส่งพัสดุ จนสลบคาร้าน เหตุไม่พอใจส่งพัสดุช้า ทั้งที่บ้านอยู่ไม่ไกล
หนุ่มส่งพัสดุวัย 20 ปี ถูกลูกค้าใช้มีดจี้คอ ยกพวกรุมต่อยเบ้าตาและใบหน้าจนฟันแตก เหตุคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรสอบถามบ้านเลขที่
กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย
ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป
ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้
นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด
เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน
นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า
น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง
ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส
ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม
ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย
“ธนเดช” เผย กมธ.ทหาร รับเรื่องร้องเรียนเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะ ทบ. ตั้งกรรมการสอบแล้ว หวังเป็นตัวอย่างการลงโทษผู้บังคับบัญชาระดับสูงหากพบผิดจริง
“กัน จอมพลัง” บุกช่วยเด็กสองพี่น้อง ขาหัก-ศีรษะเจาะถึงกะโหลก ถูกแม่ทาสยาทารุณอย่างหนัก แต่อ้างดื้อๆ เด็กเล่นซนกันเอง