30 ม.ค. – ชายวัย 46 ปี อุ้มไรเดอร์เข้าบ้านซ้อมจนน่วม โชคดีตำรวจช่วยเหลือได้ทัน อ้างรู้สึกถูกบุกรุกเลยก่อเหตุ ส่วนอาวุธปืน ยืนยันมีทะเบียนถูกต้อง
ตำรวจ สน.หัวหมาก นำกำลังบุกจับนายสิริอานนท์ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน ยึดอาวุธปืนแมกกาซีนแบบออโตเมติก รวม 5 กระบอก หลังใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกายและข่มขู่นายอุทิตย์ อายุ 46 ปี อาชีพไรเดอร์ จนได้รับบาดเจ็บ ขณะเข้าไปรับออเดอร์พัสดุในบ้านหลังหนึ่ง ซอยพระราม 9 ซอย 35 แขวงหัวหมาก ซึ่งเป็นบ้านหรู เปิดเป็นบริษัททำธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป
นายอุทิตย์ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ผู้ก่อเหตุยิงปืน 1 นัด บริเวณประตูบ้าน ก่อนจะเอาปืนมาจ่อและตบหัวหลายครั้ง จากนั้นลากตนไปเตะจนต้องกราบขอร้องชีวิต และบอกเขาว่าตนมารับออเดอร์ แต่เขาไม่ฟังอะไรเลย ยังเตะตนต่อเนื่อง ตนกราบเท้าเขาถึง 20 ครั้ง เขายังไม่ยอมปล่อย พอกราบเขาเตะยอดหน้า แล้วถีบ กระทืบ วนอยู่อย่างนี้
สุดท้ายเขาเอาปืนออกมาวางโชว์ 5 กระบอก แล้วยังหักแขน ล็อกคอ คล้ายจะเอาชีวิตตนให้ได้ ตนไม่ทราบว่าไปทำอะไรให้เขาจนโดนทำร้ายขนาดนี้ และเขายังกล่าวหาว่าตนเป็นสาย ซึ่งคนที่เรียกไปรับพัสดุน่าจะเป็นภรรยาเขา หลอกให้ตนไปสอดแนมว่ามีใครอยู่กับเขาหรือไม่ แต่ลักษณะคนที่สั่งออเดอร์ตนให้ไปรับของโทรมาบอกว่าขอคุยกับผู้ก่อเหตุ แต่เขาไม่คุย แล้วเอาปืนมาตบและซ้อมตน จนสุดท้ายแม่เขาเข้าไปในบ้าน และตำรวจตามเข้าไปช่วยรอดมาได้
พ.ต.อ.พรทวี สมวงศ์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า ช่วงประมาณ 15.30 น. ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่าพบเห็นชายคล้ายแขกขาว กระชากไรเดอร์เข้าไปในบ้าน จากนั้นได้ยิงเสียงคล้ายปืน เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบบ้านเดี่ยวมีรั้วสูงรอบขอบชิด และเข้าบ้านไม่ได้ เพราะบริเวณกำแพงบ้านผู้ก่อเหตุติดรั้วไฟฟ้าไว้ตลอดแนว กระทั่งตำรวจต้องพยายามติดต่อแม่ของผู้ก่อเหตุให้มาที่บ้านลูกชาย
เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบว่าผู้ก่อเหตุอยู่ห้องรับแขก แล้วไรเดอร์บอกว่าจะมารับของแต่ถูกผู้ก่อเหตุกระชากเข้ามาในบ้านแล้วทำร้ายร่างกาย เมื่อไปตรวจสอบในบ้านพบอาวุธปืนแมกกาซีน 5 กระบอก บนโต๊ะห้องรับแขก ผู้ก่อเหตุร่างกายมีกลิ่นเหล้าและตาแดง
ด้านผู้ก่อเหตุให้การว่า ช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา มีไรเดอร์มาป่วน กดกริ่งที่บ้านจนเดือดร้อน พอผู้เสียหายมาถึงหน้าบ้านในลักษณะกับที่เคยพบเจอเลยก่อเหตุ เพราะรู้สึกเหมือนกับถูกบุกรุก ส่วนอาวุธปืนยืนยันมีใบทะเบียนถูกต้อง ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองอาวุธปืน
เบื้องต้นผู้ก่อเหตุเข้าข่ายความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ, กักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป ส่วนผู้เสียหายได้ทำใบส่งตัวไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม เพื่อดูว่าอันตรายถึงสาหัสหรือไม่ เพื่อนำไปประกอบสำนวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นอกจากนี้มีนายท็อป (นามสมมติ) เป็นลูกน้องของเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านผู้ก่อเหตุ ออกมาร้องเรียนว่าบ้านเจ้านายก็ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากตอนผู้ก่อเหตุยิงปืนออกมาจากบ้าน กระสุนมาโดนรั้วบ้านเจ้านายได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้านายไม่กล้าแจ้งความ เพราะเพื่อนบ้านที่ก่อเหตุรู้จักนายใหญ่ที่เป็นข้าราชการในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย