สส.ปชน. ซัด “นายกฯอิ๊งค์” แลกคดีเหมืองทองอัครากับการจัดตั้งรัฐบาล

รัฐสภา 24 มี.ค.-สส.ปชน. ซัด “นายกฯอิ๊งค์” แลกคดีเหมืองทองอัครากับการจัดตั้งรัฐบาล ตั้งเครือข่าย พล.อ.ประยุทธ์ คุมอุตสาหกรรม ให้พ้นผิด ย้อนเกร็ดไม่เหมือนตอนเป็นฝ่ายค้าน จะเอา “บิ๊กตู่” เข้าคุก ผ่านมา 2 ปีไม่ทำอะไรเลย หรือแลกกับเอาคนในครอบครัวกลับบ้าน ขณะที่ สส.รทสช. เดือด ป้อง พล.อ.ประยุทธ์ คนไทยทั้งประเทศยังคิดถึง ยังเป็นไอดอลอยู่

นายอิทธิพล ชลธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน อภิปรายถึงเหมืองทองอัครา ที่สมัยพล.อ.ประยุทธ์​จันทร์โอชา เป็นนายกฯ สส.พรรคเพื่อไทย ทั้งนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และน.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อภิปรายว่าพล.อ.ประยุทธ์​สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติไว้มากมาย แต่พอมาเป็นรัฐบาล กลับหลงลืมและล้มเหลวที่จะทำตามคำพูดที่เคยพูดไว้ทุกเรื่อง ความล้มเหลวในการบริหาราชการแผ่นดินของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีสาเหตุสำคัญมาจากปัญหาทางการเมือง ที่ทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่งอำนาจ ประเทศไทยเราเลยได้รัฐบาลไม่ตรงปก เพราะเนื้อในของนายกฯไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชนเลย ยอมละทิ้งสัจจะเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล ยอมทุกอย่างเพื่อนำตัวบุคคลในครอบครัวกลับบ้าน แลกกับการเป็นนั่งร้านให้กับพล.อ.ประยุทธ์​คอยระวังหลังไม่ให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่มีการกระทำความผิดไว้ โดยไม่สนใจว่าท้ายที่สุดแล้วความอยากได้ผลประโยชน์ทางการเมืองของนายกฯ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร


นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า ตอนที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน อภิปรายว่าพล.อ.ประยุทธ์ ทำผิดไว้หลายเรื่อง ตนจึงไปฟังที่ท่านอภิปรายทั้ง 5 ครั้ง สรุปได้ว่ามีวิธีการแก้ปัญหาเรื่องเหมืองทองอัครา อยู่ 4 ข้อคือ1.ต้องดำเนินคดีกับพล.อ.ประยุทธ์​ เอาคนผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด 2.ต้องไม่เลื่อนขอออกคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการอีกแล้ว 3.ต้องหยุดพฤติกรรมขายชาติ หยุดประเคนผลประโยชน์ของประเทศชาติให้กับคิงส์เกต และ 4.ต้องยุติการล้มคดีทั้งหมดให้กับบริษัทคิงส์เกต แต่นี่2ปีแล้วที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ก็ยังไม่มีคำชี้ขาดออกมา และไม่ได้ทำอย่างที่พูดไว้เลย ตอนพูด พูดอย่างน้ำไหลไฟดับ พอได้เป็นรัฐบาลกลายเป็นเพียงน้ำท่วมทุ่งไปแล้ว

“พอพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลคุณแพทองธาร ได้เป็นนายกฯ ทุกคนที่ออกมาด่าพล.อ.ประยุทธ์เรื่องเหมืองทองอัคร ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรีกันทุกคน แทนที่ท่าจะเด็ดหัวสอยนั่งร้านเผด็จการ ท่านกลับทำตัวเป็นนั่งร้านเสียเอง ขนาดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นรมว.อุตสาหรรมในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่พวกท่านก็ด่าว่าเป็นนั่งร้านให้กับพล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มาเป็นรมว.คมนาคม ในรัฐบาลแพทองธารเลย ผมไม่เห็นว่าพวกท่านจะทำอย่างที่พูดสักอย่าง โดยเฉพาะนายกแพทองธาร ที่เคยท่องตามเป็นนกแก้วนำขุนทอง บอกว่าจะปิดสวิสท์ 3 ป.​แล้ว ป.ประยุทธ์จะปิดเมื่อไหร่ และการที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้อยู่ในรัฐบาล ไม่ได้เรียกว่าปิด ถ้าปิดจริงต้องดำเนินคดี เพราะเป็นสิ่งที่ท่านเคยพูดเอาไว้เอง โดยเฉพาะรัฐมนตรีจิราพร ที่เคยอภิปรายไว้” นายอิทธิพล กล่าว


นายพลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า ทนฟังมานานแล้ว ผู้อภิปรายเอ่ยถึงบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็นหลายรอบมาก และพูดนอกประเด็น

ทั้งนี้นายภราดร ปราศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วินิจฉัยว่า ตามข้อบังคับก็บอกไว้ชัดเจนว่าการเอ่ยถึงบุคคลภายนอก ผู้อภิปรายจะต้องรับผิดชอบตัวเอง หากมีการฟ้องร้อง เขาก็จะต้องถูกดำเนินคดี ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ซึ่งตนมั่นใจว่าผู้อภิปรายทุกคนที่ลุกขึ้นอภิปรายก็เข้าใจในข้อบังคับดี ส่วนเนื้อหาสาระเข้าใจว่ากำลังเชื่อมโยงอยู่กับเหมืองทองอัครว่ามีความเชื่อมโยงกับนายกฯอย่างไร

จากนั้นนายอิทธิพล อภิปรายต่อว่า น.ส.จิราพร พูดถึงขนาดจะเอาพล.อ.ประยุทธ์ ออกจากบ้านหลวง ไปใช้น้ำฟรี ไฟฟรี กินข้าวฟรีในเรือนจำ แต่พอพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ตั้งแต่นายเศรษฐา ก็เอาคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเป็นรมว.อุตสาหกรรม ดูแลคดีเหมืองทองอัครา คอยสกัดหน้าระวังหลังให้กับพล.อ.ประยุทธ์​ มาสมัยน.ส.แพทองธาร ก็ยังเอาคนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ มาดูแลต่ออีก อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร เอาคนของพล.อ.ประยุทธ์มาคุมกระทรวงที่พล.อ.ประยุทธ์เคยกระทำผิดไว้ แบบนี้เมื่อไหร่พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เข้าคุก เมื่อไหร่จะได้ทำอย่างที่พูดไว้ ตนว่าชัดเจนไม่มีการเอาพล.อ.ประยุทธ์เข้าคุก มีแต่ช่วยกันหลับหูหลับตา ตั้งเครือข่ายของพล.อ.ประยุทธ์มาช่วยเหลือกันให้พ้นผิด ถ้ายอมกลืนน้ำลายตัวเองแบบนี้มีเหตุผลเดียวเป็นดิลจัดตั้งรัฐบาลถ้าพรรคเพื่อไทยต้องการเป็นรัฐบาล ถ้านายกฯต้องการให้คนในครอบครัวกลับบ้านก็ต้องยอมยกเก้าอี้กระทรวงอุตสาหกรรม ให้กับพรรคร่วมไทยสร้างชาติ


“นี่เป็นการเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติแลกกับผลประโยชน์ส่วนตน ท่านนายกแพทองธาร ท่านทรยศหักหลังประชาชนที่เขาเคยเชื่อท่าน ท่านก็รู้ว่าท่านรมต.น้ำจิราพร เคยพูดไว้ว่าถ้าพล.อ.ประยบุทธ์ หลุดจากตำแหน่งนายกฯเเมื่อไหร่ จะดำเนินคดีทันที เมื่ออำนาจรัฐอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่จะตั้งกรรมการสอบกรณีเหมืองทองอัคราทันที” นายอิทธิพล กล่าว

ทำให้นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นประท้วงว่า การเอ่ยชื่อบุคคลภายนอกไม่เหมาะสม ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯปัจจุบัน ไม่ใช่อภิปรายอดีตนายกฯ วันนี้ท่านพูดถึงบุคคลภายนอกซึ่งเป็นคนที่คนไทยทั้งประเทศยังคิดถึงท่านอยู่ สร้างคุณงามความดีไว้เยอะแยะ เพราะฉะนั้นท่านควรจะใช้คำอื่น ไม่เช่นนั้นสภาแห่งนี้ก็ไม่ราบรื่น เพราะหากเอ่ยตลอดตนคิดว่าสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 คนก็ประท้วงไม่หยุด ตนไม่คิดจะประท้วง เพราะให้เกียรติแต่มันทนไม่ไว้จริงๆ

จากนั้นนายอิทธิพล อภิปรายต่อว่า ใกล้จะครบ 2ปีแล้ว แต่ไม่เห็นนายกฯทำอะไรเลย เพราะอะไร ท่านก็รู้ว่าจะเอาผิดตามกฎหมาย หรือพวกท่านพูดเอามัน หรือเป็นการพูดเพ่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง แต่ที่นายกฯไม่ทำเพราะนี่เป็นหนึ่งดิล ที่เอาผลประโยชน์ของชาติไปช่วยคนผิดเพื่อแลกผลประโยชน์ทางการเมือง

ทั้งนี้ สส.พรรคร่วมไทยสร้างชาติ ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ ที่นายอิทธิพล เอ่ยชื่อพล.อ.ประยุทธ์ อาทินายวิชัย สุดสวาทดิ์ สส.ชุมพร ประท้วงว่า ไม่ทราบว่าท่านต้องเอ่ยชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่แล้ว ใช้คำนี้ก็ได้ เอ่ยชื่อถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ เอ่ยชื่อถึงพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และตอนนี้โลกโซเชียลฯ​ถ้าเปิดดู พล.อ.ประยุทธ์เป็นไอดอลของทุกคนอยู่ จึงไม่น่าเอามาอภิปราย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่ที่อื่นแล้ว ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองอยู่ ไม่สมคควรเอามาอภิปราย ขอให้ถอนคำพูด พล.อ.ประยุทธ์ ออก ทำนายภราดร วินิจฉัยถ้า การอภิปรายถ้าหลีกเลี่ยงชื่อบุคคลได้ก็ขอให้เลี่ยง การอภิปรายจะได้ราบรื่น

จากนั้นนายอิทธิพล อภิปรายต่อว่า ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยของนายกฯ พูดดักคอเอาไว้ตอนนั้นได้แม่น เพราะในที่สุดของรัฐบาลที่แล้วก็ได้อนุญาตให้ไปสำรวจและทำเหมืองที่แหล่งสุวรรณ และแหล่งโชคดี อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งทั้งสองพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนและเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเรื่องนี้น.ส.จิราพร เคยอภิปรายไว้เองกลางสภาฯ และยังมีการลักไก่หลังจากยุบสภาในวันที่ 17 มี.ค.66 เพียง 6 วันต่อมา รัฐบาลที่แล้วได้มีคำสั่งให้อนุญาตให้เมืองทองอัครากลับมาทำการได้เหมือนเดิม ซึ่งหากเป็นแบบนี้ข้อกล่าวหาของตนตรงไปตรงมา นายกฯก็รู้ว่าการอนุญาตให้เข้าไปสำรวจ และไปทำเหมืองที่แหล่งสุวรรณและแหล่งโชคดี ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติพื้นที่ป่าสงวนซึ่งทำไม่ได้พ.ร.บ.แร่ ในเมื่อนายกฯ รู้ว่าทำเช่นนี้ผิดกฎหมาย แล้วทำไมพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเกือบ 2 ปี ถึงยังไม่ได้เอาผิดกับใครเลย

“พรรคของท่านก็พูดเองกับปากว่าผิดกฎหมาย แต่แน่นอนว่านายกฯ คงไม่เอาผิดกับใครเหมือนเดิม เพราะเป็นดีลจะตั้งรัฐบาล ที่จะไม่ไปสืบสาวราวเรื่อง ถ้าไปเพิกถอน ใบอนุญาตทำเหมืองก็เท่ากับว่ามีคนทำผิดกฎหมาย เดี๋ยวดีลจัดตั้งรัฐบาลจะล่ม ดังนั้นรัฐบาลนายกฯแพทองธาร ก็คงปล่อยให้มีการหาผลประโยชน์จากทรัพยากรแร่ของเราแบบผิดกฎหมายต่อไป ผมจึงไม่อาจไว้วางใจนายกฯ ที่เห็นผลประโยชน์ส่วนตนสำคัญกว่าผลประโยชน์ของชาติ เพราะท่านไม่มีความมุ่งมั่นที่จะปิดสวิตช์ 3 ป.ไม่ปิดสวิตช์สว. คนไทยยังไม่มีกินมีใช้ รัฐบาลนายกฯแพทองธาร ไม่มีเกียรติ ศักดิ์ศรีพอ ที่จะให้ประชาชนเชื่อมั่นได้” นายอิทธิพล กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

บินโดรนกระชับพื้นที่ไล่ล่าผู้ต้องหาฆ่ายัดถัง

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – คดีฆ่ายัดถังที่นครสวรรค์ เช้านี้ตำรวจใช้โดรนบินไล่ล่าผู้ต้องหา รวมถึงจัดชุดเดินเท้ากระชับพื้นที่ หลังปิดล้อมข้ามคืนแต่ยังไร้วี่แวว กรณีพบศพนายจุฑาเพชร หรือ อ้วน ชาวอยุธยา ถูกฆ่ายัดถังพลาสติก 200 ลิตร โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม โดยสภาพศพอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ สวมกางเกงขายาวคล้ายกางเกงวอร์มสีดำ เสื้อยืดแขนยาวสีเขียว ถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่อกซ้าย กระสุนฝังกระจายทั่วอก ศีรษะมีรอยยุบ ส่วนตามตัวผู้ตายมีรอยสักหลายแบบ ทั้งพระนารายณ์แผลงศร พระนารายณ์สี่กร ยันต์เก้ายอด ยันต์มหาอุด และพ่อปู่ฤาษีนารอด เสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.ตะคร้อ ได้นำหลักฐานขอศาลนครสวรรค์ ออกหมายจับนายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เนื่องจากมีหลักฐานว่า เป็นคนใช้ปืนยิงเหยื่อเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองมะค่า อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี ก่อนนำศพใส่รถกระบะมาทิ้งอำพรางที่อ่างเก็บน้ำตะคร้อ นครสวรรค์ […]

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]

นายกฯ ยันศาลเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่กระทบแผนเจรจาไทย

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – นายกฯ ยันศาลการค้ารัฐบาลกลางเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่ส่งผลกระทบแผนเจรจาไทย ทีมงานยังเดินหน้าต่อ จนถึงวันนี้ยังไม่ได้วันนัดชัดเจน รู้สึกสบายใจหลายประเทศอาเซียนก็อยู่ระดับเดียวกับไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ เรื่องนี้จะส่งผลกับประเทศไทยที่กำลังรอเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาอยู่หรือไม่ ว่า ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไปตกลงจะมีผลอย่างไร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจแต่เราก็ต้องทำต่อ เตรียมความพร้อมต่อไป จะหยุดชะงักเลยก็คงไม่ได้และไม่แน่ใจว่ารับฟังหรือยัง เพราะระหว่างที่ไปประชุมที่มาเลเซียได้มีโอกาสได้คุยกับทุกประเทศ ได้คุยกันเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหลายประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย คือส่งรายงานเข้าไปและรอวันที่จะตอบกลับมาว่าจะได้ไปคุยวันไหน ยืนยันว่าเราไม่ได้ช้าและอยู่ในขั้นตอนของการรอวันที่จะไปคุยเช่นกันตามกรอบ 90 วัน จึงขอให้สบายใจได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้วันชัดเจนว่าจะได้คุยวันไหนต้องรอให้ทางสหรัฐอเมริกานัดมา แต่ในทีมทำงานไม่เป็นทางการยังติดต่อกันได้ ยังได้คุยและอัพเดทสถานการณ์กันอยู่ และก็เป็นสัญญาณบวก และย้ำอีกครั้งว่า ตนเองไม่ได้ถูกแบนวีซ่าสหรัฐอเมริกาขอให้สบายใจได้. -420-สำนักข่าวไทย

หุ้นบวก-บาทอ่อน-ทองลง รับข่าวศาลระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์”

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – หุ้นไทยบวก-บาทอ่อนค่า-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์” ขณะ บล.กรุงศรี คาด SET จะกลับเหนือ 1,200-1,210 จุด ใน 1-3 วัน เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.84-32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 09.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยน และเงินฟรังก์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในการเก็บภาษีแบบครอบคลุมจากประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่าที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้านทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องต่อไปจนถึงศาลสูงหากจำเป็น แต่ในระหว่างนี้ ตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกว่าทรัมป์อาจยอมถอยจากการกำหนดภาษีในระดับสูงสุดที่เคยขู่ไว้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณสะท้อนสถานะ outflows ของนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สมาคมค้าทองคำ […]