เชียงใหม่ 23 ก.ค.- แม้หลายพื้นที่ทางภาคเหนือจะเริ่มมีฝนโปรยปรายลงมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอที่จะลดความแล้งที่ยาวนานได้ ซึ่งทำให้ลำไยที่กำลังจะเก็บขาย เปลือกแห้งแตกเสียหายนับหมื่นต้น เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงปลาในกระชังในลำน้ำปิง ที่เจอความแห้งแล้งจนปลาตายไปหลายสิบตัน จากที่จะได้กำไร กลายเป็นหนี้นับแสนบาท
ชาวสวนลำไยบ้านไร่บวกบง ฟากตะวันตกของ อ.ดอยหล่อ ทางตอนใต้ของเชียงใหม่ ต้องเร่งเก็บลำไย ก่อนที่จะเน่าทั้งต้น หลังเจอภาวะร้อนและแล้งจัด 2 เดือนมานี้มีฝนตกแค่ครั้งเดียว ทำให้ลำไยขาดน้ำ เปลือกแห้งแตกและเน่าคาต้น
อย่างสวนของพี่จันทร์ พื้นที่ราว 3 ไร่ มีลำไยกว่า 100 ต้น เสียหายไปครึ่งหนึ่ง สิ่งที่ทำได้คือ คัดลำไยที่ยังใช้ได้ ลูกใหญ่หน่อย ไว้ขายสด ลูกเล็กขายเป็นลำไยรูดร่วงกิโลกรัมละ 1-3 บาท ลำไยที่เหลือแม้จะไม่แตก แต่ลูกเล็กขายไม่ได้ราคา แม้ว่าตลาดลำไย ลูกใหญ่สุดเกรด 2A ราคาจะสูงถึงกิโลกรัมละเกือบ 30 บาท แต่ส่วนใหญ่เหลือแค่เกรด B ราคาไม่ถึงกิโลกรัมละ 10 บาท ปีนี้จากที่พี่จันทร์ คิดไว้จะขายลำไยได้เกือบ 200,000 บาท ตอนนี้ได้เงิน 20,000 กว่าบาท แต่ต้องจ่ายค่ายา ค่าปุ๋ย ค่าคนเก็บ คนคัดลำไย เช่นเดียวกับชาวสวนลำไยอีกมากมายที่เผชิญกับวิกฤติแบบนี้
จากน้ำที่เคยลึกท่วมหัว แต่ตอนนี้เราสามารถเดินไปดูกระชังปลาของชาวบ้านใน ต.สองแคว ซึ่งมีกว่า 50 ราย แต่ละรายเหลือปลาไม่มากนัก เพราะครึ่เดือนมานี้ปลาทยอยตายไปรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ตัน จากน้ำที่แห้งลง ออกซิเจนเหลือน้อย แม้จะยอมจ่ายค่าน้ำมันวันละ 400-500 บาท เติมปั๊มออกซิเจน แต่ไม่รอด บางเจ้าต้องตักปลาทิ้งริมฝั่งปล่อยให้เน่าไป อย่างกระชังปลาของน้องหนิง ที่ปลาตายไปแล้ว 2 ตัน รอบนี้จากที่จะขายได้กำไรราว 200,000 บาท กลับมาเป็นหนี้อีกกว่า 100,000 บาท
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลกระทบจากฝนทิ้งช่วง ร้อนขึ้น แล้งยาวนาน ฤดูกาลเปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลของการใช้และทำลายธรรมชาติของผู้คนที่มากขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย