เพชรบูรณ์ 29 พ.ค.-น้ำมันกัญชาชุบชีวิตสองสามีภรรยาติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้าย หลังใช้ 24 วัน วอนรัฐบาลปลดล็อกกัญชาให้ผู้ป่วยมีโอกาสเข้าถึงการรักษา ด้านรมว.สธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง ยันกัญชาไม่ได้รักษาทุกโรค
วานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่ ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ มีสองสามีภรรยาติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้าย จนภรรยานอนไม่ได้สติ เนื่องจากป่วยมานานเกือบ 20 ปี การรักษาพยาบาลทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่ดีขึ้น จนแพทย์ให้กลับมานอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ผู้ป่วยนอนไม่ได้สติ และร่างกายไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น แต่หลังจากพยาบาลวิชาชีพได้แนะนำให้ทดลองใช้น้ำมันสกัดจากกัญชาได้เพียง 9 วัน อาการก็ดีขึ้นผิดตา เริ่มขยับตัวได้ และจนถึงวันนี้ใช้มาได้ 24 วัน สามารถลุกขึ้นนั่งพูดคุยโต้ตอบเริ่มช่วยเหลือตัวเองได้
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ พบหญิงอายุ 63 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้าย นอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีสามีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สามีเล่าว่า ก่อนหน้านี้ภรรยารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอแล้วอาการไม่ดีขึ้น เนื่องจากติดเชื้อ HIV มานานเกือบ 20 ปี ช่วงแรกๆที่ติดเชื้อ HIV ร่างกายยังแข็งแรงทำงานได้ตามปรกติ แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาการของภรรยาทรุดหนักลง รักษาอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แพทย์จึงให้กลับมานอนพักรักษาตัวที่บ้าน ตอนแรกญาติๆต่างทำใจเพราะภรรยาไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งนางอมรรัตน์ เสนานุช พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านข้างเคียง ได้เข้ามาพบ และนำน้ำสกัดจากกัญชามาให้ทดลองใช้ โดยหยดใต้ลิ้นวันละหนึ่งหยด ผ่านไปเพียง 9 วัน มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่นอนไม่รู้สึกตัว เริ่มขยับตัวพลิกไปมาได้ สนทนาพูดคุยได้บ้าง ถึงวันนี้ใช้น้ำสกัดกัญชามาแล้ว 24 วัน ภรรยาของตน สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยลุกนั่งเองพูดคุยโต้ตอบได้ ตนรู้สึกดีใจมากเมื่อเห็นอาการของภรรยาดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตนก็ป่วยเป็นโรค HIV เช่นเดียวกับภรรยา หลังจากที่ได้ใช้กัญชาก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงมากขึ้นเช่นกัน
ด้านนางอมรรัตน์ เสนานุช พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม รักษายาแผนปัจจุบันอยู่นานแล้วอาการปวดข้อเข่าไม่หายขาด จึงได้รับการแนะนำจากเพื่อนซึ่งเป็นดารา ให้ทดลองใช้น้ำมันสกัดจากกัญชา แล้วรู้สึกดีขึ้น จนแทบไม่พบอาการปวดข้อเข่าเลย จึงได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชารักษาโรคอย่างจริงจัง พบว่าสรรพคุณสามารถรักษาโรคได้อย่างมากมายหากใช้อย่างถูกวิธี จึงรวมกลุ่มกับคนในพื้นที่ขับเคลื่อนสภากัญชาระดับจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อผลักดันให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการใช้กัญชารักษาโรค ปัจจุบันได้นำมาให้ผู้ป่วยในหมู่บ้านใช้แล้วอาการดีขึ้นมากกว่า 10 ราย จึงอยากเสนอให้ภาครัฐอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกกัญชาเพื่อรักษาโรคได้ โดยขออย่างน้อย ตำบลละ 1 ไร่ ก็ยังดี เพราะไม่ใช่เพียงน้ำมันสกัดจากกัญชาเท่านั้นที่รักษาโรคได้ ต้นของกัญชานำมาต้มนำดื่มแทนน้ำชา ก็ยังแก้โรคความดันได้
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความสับสนเรื่องกัญชารักษาสารพัดโรค และโรคเอดส์ว่าได้มอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันไม่ได้ลงไปจับผิด แต่ดูว่าการสั่งจ่ายและใช้กัญชารักษาเชื้อเอชไอวีนั้น ทำมานานแค่ไหนได้ผลอย่างไร เพื่อดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย อย่างไรก็ตามยืนยันว่ากัญชา มีทั้งคุณและโทษ แต่ที่เลือกเอามาใช้ในทางการแพทย์ เป็นเพียงการนำประโยชน์มาใช้ ซึ่งตามเกณฑ์ของ องค์การอนามัยโลก การใช้กัญชาที่ปลอดภัย ต้องมีปริมาณสาร THC น้อยกว่า 0.2 % ถึงจะมีความปลอดภัย ไม่ติด โดยสามารถทำมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างช็อกโกแลตด้วยซ้ำ ส่วนการใช้กัญชารักษาโรคเรื้อรังอื่นๆ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องดูข้อมูลทางการแพทย์ ที่แน่ชัด ไม่อยากให้ประชาชนใจร้อน หรือคิดว่า กัญชาใช้รักษาโรคอื่นๆ ได้ทั้งหมด ทุกอย่างต้องมีข้อมูลที่ผ่านการศึกษาวิจัยที่น่าเชื่อถือ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบข้อมูลการรักษากัญชาของ นพ.ประเสิรฐ มงคลศิริ ผอ.รพ.หนองฉาง ล่าสุดทราบว่าหยุดการสั่งจ่ายกัญชาให้กับผู้ป่วยและเข้ามาฝึกอบรมการสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์กับกรมการแพทย์แล้ว
ด้านนายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่าเรื่องการสั่งจ่ายกัญชา ที่จ.เพชรบูรณ์นั้นตนไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่ากัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล การจะระบุผลเลือดเป็นลบ อาจเป็นไปได้ที่มาจากยาต้านไวรัสฯ หรือเปล่า ทั้งนี้ปัจจุบันการรักษาเอชไอวี มาตรฐานทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยคือการรับยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด ดังนั้นขอผู้ติดเชื้ออย่าผลีผลาม หากทิ้งการรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ หันไปพึ่งการรักษาทางเลือกที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ อาจจะทำให้เสี่ยงเกิดการดื้อยา รักษายาก ซึ่งเราเคยมีบทเรียนมาแล้วในอดีต.-สำนักข่าวไทย