19 พฤศจิกายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ในระหว่างการหาเสียงเพื่อชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คำว่า Sanewashing ถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลายในแวดวงสื่อสารมวลชนของสหรัฐฯ เมื่อสื่อหลายสำนักถูกวิจารณ์เรื่องการพาดหัวข่าวการหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยทำให้ดูเป็นเหมือนเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ทั่วไป ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาในการหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ เต็มไปด้วยการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นจริง หรือสื่อความหมายไม่ตรงกับหัวข้อที่นำเสนอเลยก็ตาม จนคำว่า Sanewashing ถูกกล่าวถึงอย่างมากตลอดช่วงหลังของปี 2024 เป็นต้นมา
Sanewashing คือการลดทอนแง่มุมสุดโต่งของบุคคลหรือแนวคิดใด ๆ เพื่อให้ดูเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
Poynter Institute องค์กรด้านสื่อมวลชนและการตรวจสอบข้อเท็จจริง นิยามความหมายของ Sanewashing ว่า เป็นการกระทำเพื่อปรับเปลี่ยนความเห็นที่รุนแรงและอุกอาจ ให้ดูเหมือนเป็นสิ่งปกติที่สังคมยอมรับได้
สถิติการโกหกของ โดนัลด์ ทรัมป์
ฝ่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงของหนังสือพิมพ์ Washington Post พบว่า ในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข้อมูลทำให้เข้าใจผิดรวมกันกว่า 30,573 ครั้ง หรือเฉลี่ย 21 ครั้งต่อวัน
หนังสือพิมพ์ Toronto Star ของประเทศแคนาดา พบว่าระหว่างปี 2017-2019 โดนัลด์ ทรัมป์ เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง 5,276 ครั้ง หรือหรือเฉลี่ย 6 ครั้งต่อวัน
นักวิเคราะห์ทางการเมืองและหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ปริมาณข้อมูลเท็จที่เผยแพร่โดย โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ จนความต่อเนื่องในการพูดเรื่องไม่จริงของ โดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นจุดขายบนเส้นทางธุรกิจและการเมืองของเขาไปในที่สุด
ข้อกล่าวหาสื่ออเมริกันทำ Sanewashing ให้ โดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อเดือนกันยายน 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปแสดงวิสัยทัศน์แก่องค์กร Economic Club of New York หน่วยงานที่มีเป้าหมายส่งเสริมการศึกษางานด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองในนิวยอร์ก
ในช่วงหนึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคำถามถึงการใช้นโยบายทางกฎหมายเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการดูแลเด็กเล็ก
แต่กลายเป็นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการชี้แจงไปกับการพูดถึง กำแพงภาษี การขาดดุลการค้า และการฉ้อโกง ซึ่งไม่ตรงกับประเด็นที่ถูกถาม
แต่รายงานข่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้น สื่อหลายสำนักกลับพาดหัวข่าวให้เหมือนไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เช่น หนังสือพิมพ์ New York Times พาดหัวข่าวว่า Trump Calls for an Efficiency Commission, an Idea Pushed by Elon Musk และ สำนักข่าว AP ก็พาดหัวข่าวว่า Trump Suggests Tariffs Can Help Solve Rising Child Care Costs in a Major Economic Speech
สำนักข่าวต่าง ๆ ทั้ง MSNBC และ The Week วิจารณ์การพาดหัวข่าวเช่นนี้ โดยบอกว่าเป็นการ Sanewashing ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นความพยายามหาเหตุผลให้กับคำกล่าวอ้างที่ไม่มีเหตุผลใด ๆ
ไม่ต่างจากการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกถามถึงปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมาย อดีตประธานาธิบดีได้ตอบว่า คนที่ก่อคดีอาชญากรรมเป็นเพราะมีพันธุกรรมที่ไม่ดี
ซึ่งหนังสือพิมพ์ New York Times พาดหัวข่าวประกอบรายงานดังกล่าวว่า In remarks about migrants, Donald Trump invoked his long-held fascination with genes and genetics ซึ่งเป็นการพาดหัวข่าวที่ถูกวิจารณ์เรื่อง Sanewashing อย่างแพร่หลาย
แอนดรูว์ เรฟกิน อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ New York Times วิจารณ์ว่าเป็นการพาดหัวข่าวที่เสียสติ (Headline Lunacy) ส่วน มาร์ค เจคอป อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Chicago Tribune เหน็บแนมว่า New York Times ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนความเห็นที่แสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติ ให้กลายเป็นหัวข้อเกี่ยวกับพันธุกรรมของมนุษย์
เช่นเดียวเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศว่า หากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะแต่งตั้งให้ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนเดี จูเนียร์ มาทำหน้าที่สอบสวนที่มาของโรคเรื้อรังและโรคในเด็กที่พบมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้ง โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง โรคอ้วน ภาวะมีบุตรยาก และ โรคออทิสติก
อย่างไรก็ดี ในรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ New York Times กลับเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงโรคออทิสติก
พาร์คเกอร์ มอลลี นักเขียนจากนิตยสารการเมือง The New Republic โต้แย้งว่า การเชื่อมโยงโรคออทิสติกกับโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนเดี จูเนียร์ เป็นสิ่งที่ควรย้ำเตือนให้ผู้อ่านระมัดระวังในการรับสาร เนื่องจาก โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนเดี จูเนียร์ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวปลอมว่า โรคออทิสติกมีความสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน
พาร์คเกอร์ มอลลี มองว่า การตัดเนื้อหาเกี่ยวกับโรคออทิสติกออกไปจากรายงานข่าว เป็นเหมือนการทำให้นโยบายของผู้ที่สนับสนุนทฤษฎีสมคบคิด ฟังดูเหมือนนโยบายทางการเมืองทั่วไป
ปัจจัยที่ทำให้สื่อหันมา Sanewashing ให้ โดนัลด์ ทรัมป์
ไมเคิล โทมาสกี นักเขียนจากนิตยสารการเมือง The New Republic ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุว่า การที่สื่อหันมารายงานข่าวในเชิง Sanewashing ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ จำนวนมาก ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการร่วมมือระหว่างบริษัทผู้ผลิตสื่อและอดีตผู้นำสหรัฐฯ แต่ปัจจัยน่าจะมาจากผู้สื่อข่าวการเมืองทุกวันนี้ อาจไม่คุ้นเคยกับสไตล์การหาเสียงด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยข้อโต้แย้งแบบ โดนัลด์ ทรัมป์ มาก่อน และเป็นความท้าทายของสื่อที่จะนำเสนอเนื้อหาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้อย่างครบถ้วน ภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลาของการออกอากาศ และข้อจำกัดด้านพื้นที่ในการพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์ New York Times วิเคราะห์ว่า ความไม่สอดคล้องในคำพูดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ค่อยถูกหยิบมาเป็นประเด็น เพราะผู้คนเริ่มเคยชินกับสไตล์การหาเสียงดังกล่าวไปแล้ว
ไบรอัน คลาส์ นักรัฐศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว AP ว่า การที่สื่อมวลชนเริ่มคุ้นชินในคำพูดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับนักการเมืองทั่วไป คือสิ่งที่เรียกว่า ความธรรมดาของความบ้า (Banality of Crazy)
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2024 หนังสือพิมพ์ New York Times เผยแพร่ผลสำรวจการแสดงความเห็นในที่สาธารณะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่ปี 2015 ถึงปัจจุบัน
การวิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์พบว่า เมื่อเทียบกับ 9 ปีที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ ในปัจจุบันใช้เวลาในการพูดสุนทรพจน์นานขึ้น นำเสนอเนื้อหาสุดขั้วมากขึ้น มีเนื้อหาในแง่ลบถี่ขึ้น และใช้คำสบถบ่อยขึ้น และมีทักษะด้านการอธิบายเนื้อหาที่ซับซ้อนในระดับเด็กนักเรียนชั้นเกรด 4 ต่างจากสุนทรพจน์ในยุคแรกที่มีความชัดเจน เข้าใจง่าย และมีอารมณ์ขันกว่านี้
วิธีป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมือง
นิตยสาร Editor & Publisher แนะนำวิธีป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมือง ด้วยวิธีที่เรียกว่า Truth Sandwich Technique ซึ่งเป็นการนำคำอธิบายที่ถูกต้อง มานำเสนอพร้อมกับความเห็นของนักการเมืองที่น่าสงสัย
หนึ่งในวิธีป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมืองของ Poynter Institute องค์กรด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริง คือการนำสุนทรพจน์ของนักการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายมาเปรียบเทียบให้ผู้อ่านได้เห็นไปพร้อม ๆ กัน
นิตยสารการเมือง The New Republic ย้ำว่า หน้าที่ของการป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมือง ไม่มีตกอยู่กับสื่อมวลชนเท่านั้น ผู้อ่านก็สามารถป้องกันการ Sanewashing นักการเมืองในสื่อต่าง ๆ ได้ ด้วยการค้นหาแหล่งที่มาของข้อมูลที่ถูกต้อง และสนับสนุนสำนักข่าวที่ให้ความสำคัญต่อความถูกต้องของรายงานข่าวมากกว่ายอดการรับชม หรือสื่อที่เน้นให้เกิดความสมดุลของรายงานข่าวมากกว่านำเสนอข้อเท็จจริง
ข้อมูลอ้างอิง :
https://en.wikipedia.org/wiki/False_or_misleading_statements_by_Donald_Trump
https://en.wikipedia.org/wiki/Sanewashing
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter