คนไทยได้ใช้แอร์คุณภาพดีแล้ว

กรุงเทพฯ 27 พ.ค. – สมอ.แก้ไขมาตรฐานเครื่องปรับอากาศขนาดความเย็นรวมไม่เกิน 18,000 วัตต์ หรือประมาณ 60,000 บีทียู เป็นมาตรฐานบังคับ เพิ่มเติมด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพการทำงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 


นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.ยกมาตรฐานเครื่องปรับอากาศ โดยกำหนดให้เป็นมาตรฐานบังคับเน้นความปลอดภัย มีความทันสมัยเหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปและสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ IEC 60335-2-40 : 2013 ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับสากล โดยขอบข่ายของมาตรฐานฉบับใหม่ครอบคลุมเครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่ แบบตั้งพื้น แบบหน้าต่าง แบบติดผนัง และแบบติดตั้งเพดานที่มีขีดความสามารถในการทำความเย็นรวมไม่เกิน 18,000 วัตต์ หรือประมาณ 60,000 บีทียู เป็นการปรับยกมาตรฐานใหม่ จากที่กำหนดมาตรฐานเครื่องปรับอากาศมาตั้งแต่ปี 2541 จึงสมควรทบทวนมาตรฐานใหม่ โดยการยกเลิกมาตรฐานเดิม มอก. 1529-2541 


สำหรับมาตรฐานใหม่กำหนดการป้องกันการเข้าถึงไฟฟ้า การเกิดความร้อน กระแสไฟฟ้ารั่ว การต้านทานต่อความชื้น การป้องกันการโหลดเกินของหม้อแปลงไฟฟ้า ความทนความร้อนและไฟ และความต้านทานการเป็นสนิม นอกจากนี้ ยังกำหนดปริมาณสารทำความเย็นที่ติดไฟได้ให้มีในปริมาณที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน ดังนั้น ในการใช้งานเครื่องปรับอากาศควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่กำหนดตามคู่มือการใช้งาน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ สมอ.กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อประกาศเป็นมาตรฐานบังคับต่อไป จึงขอให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเตรียมความพร้อมก่อนที่ สมอ. จะประกาศเป็นมาตรฐานบังคับ 

เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า ในช่วงเมษายน – ต้นพฤษภาคม เป็นช่วงที่อากาศร้อนจัดอุณหภูมิสูงสุดถึง 42-43 องศาเซลเซียส ทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ซึ่งปีนี้ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) แจ้งว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 4.6 สมอ.จึงคำนึงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายและมีผลต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศ 


ทั้งนี้ ปัจจุบัน สมอ.ประกาศให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน หรือมาตรฐานบังคับ  112 มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว  หากผู้บริโภคและผู้ประกอบการต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ สมอ. โทร 02202 3518 , 0 2202 3429 หรือติดตามข่าวสารด้านการมาตรฐานได้ที่ www.tisi.go.th และ www.facebook.com/tisiofficial.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ