รร.แกรนด์ไฮแอท 31 ส.ค. – นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท .) กล่าวถึงข้อเรียกร้องของภาคเอกชนที่ต้องการให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป โดยต้องการให้กำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ว่า ธปท.ไม่ขอแสดงความเห็น เรื่องการกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ระดับใดระดับหนึ่ง เพราะการพิจารณาค่าเงินบาทไม่สามารถพิจารณาเป็นรายวันได้ ที่ผ่านมา ธปท.ได้หารือกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้ ธปท.ดูแล คือ การไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนมากกว่าประเทศ คู่แข่ง หรือเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับเงินสกุลภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาเงินบาทยังเคลื่อนไหวใกล้เคียงเงินภูมิภาค โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 4 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่เงินริงกิตมาเลเซีย เงินวอนเกาหลี และเงินเยนญี่ปุ่น แข็งค่ามากกว่าเงินบาทไทย และพบว่าเอกชนมีความสามารถในการบริหารความเสี่ยง จากอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ธปท.ให้ความสำคัญและเข้าไปดูแลเงินบาทในช่วงที่เงินทุนไหลเข้ามามาก และถ้าพบว่าการแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลลบต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทย โดยมีหลายเครื่องมือ เช่น ทั้งอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการบริหารเงินทุนไหลเข้า-ออก ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ประเทศเกิดใหม่ รวมถึงไทยต้องให้ความสำคัญ
นายวิรไท เตือนว่าความผันผวนของค่าเงินบาทยังมีต่อเนื่อง ซึ่งมาจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายการเงินโลกในประเทศอุตสาหกรรมหลักที่แตกต่างกัน ซึ่งที่ผ่านมาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับทุกสกุล ซึ่ง ธปท.ได้ประสานกับสถาบันการเงิน เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้ได้แนะนำให้ภาคเอกชนใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการทำการค้าระหว่างกัน เช่น เงินดอลลาร์ เงินหยวน และริงกิต ซึ่งเงินสกุลท้องถิ่นจะเคลื่อนไหวมีเสถียรภาพมากกว่าสกุลเงินหลัก และที่ผ่านมาประเทศไทยมีสัดส่วนการค้าในภูมิภาคในระดับสูง ซึ่งน่าจะได้ประโยน์ในการใช้เงินสกุลท้องถิ่น.-สำนักข่าวไทย