กรุงเทพฯ 5 ธ.ค.- กลินท์ ระบุ ไทยต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ และคาดว่า นักท่องเที่ยวจากจีนและญี่ปุ่นตอนใต้จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ปีหน้ายอดนักท่องเที่ยวรวมจะมียอดรวมใกล้ๆ 40 ล้านคน
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจประเทศว่า ในปีนี้จนถึงสิ้นปี มั่นใจว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในลักษณะต่าง ๆ จะมีจำนวนรวมกันประมาณ 37-38 ล้านคน ส่วนปี 2562 จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นใกล้ๆ แตะ 40 ล้านคน อย่างไรก็ตามประเทศไทยต้องการเน้นเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากทั่วโลก โดยต้องการให้เข้ามาท่องเที่ยวนานขึ้นและใช้จ่ายเงินมากขึ้น ด้านนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนนั้น จากที่ลดลงไปบ้างในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะนี้เริ่มกลับมาเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นแล้วและเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และมีการใช้จ่ายต่อคนมากถึง 50,000 บาท และคาดว่า ยอดรวมนักท่องเที่ยวจีนในไทยแต่ละปีจะอยู่ในระดับ 8-10 ล้านคน
นักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นผลจากการดูแลแก้ไขปัญหาของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมวถึงผลจากการที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบปะหารือกับทางรองนายกรัฐมนตรีจีนในช่วงทีผ่านมา ตอนนี้ ทัวร์จีนก็ได้เริ่มหาแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมแล้ว และทราบว่า มีแนวโน้มที่จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนตอนใต้รวมถึงนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นตอนใต้ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย
นายกลินท์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากหอการค้าภูเก็ตถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ภูเก็ต ว่า ล่าสุดนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้าท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการใช้จ่ายเงินในจำนวนที่สูงขึ้นจากการใช้บริการที่พักโรงแรมต่าง ๆ และอนาคตผลจากการที่รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองให้มากขึ้นนั้น ส่งผลให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวจัดการเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้นแล้ว
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะเกื้อหนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยคือ ความสงบเรียบร้อย และความเป็นพี่น้องกันของคนไทยที่นักท่องเที่ยวต้องการมาท่องเที่ยว ฉะนั้น ในปีหน้าหากไม่รักษาความสงบเรียบร้อยเอาไว้ลำบาก จึงอยากจะฝากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันในเรื่องนี้ด้วย ขณะเดียวกันในปีหน้าก็จะมีการเลือกตั้งขอให้ประเทศมีความสงบเรียบร้อย และประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพอาเซียนด้วย จึงยิ่งต้องให้ความสำคัญ
นายกลินท์ กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้าว่า ผลจากเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนทั้งจากปัจจัยสงครามการค้า ความผันผวนของราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน ปัจจัยเหล่านี้ ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญคือ เน้นเพิ่มการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการเอกชนต้องการสนับสนุนจากจากรัฐบาลโดยเฉพาะสิ่งที่เอื้อและเพิ่มความสะดวกในการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเรื่องสะพาน ด่านชายแดนที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ขอให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ขอบคุณภาครัฐที่ผ่านมาได้ช่วยปรับปรุงไปแล้วบางส่วน
ส่วนการส่งออกสินค้าปีหน้านั้น สินค้าที่ไทยส่งออกมากอันดับต้น ๆ จะต้องพิจารณาว่า จะต้องพยายามรักษาตลาดเก่าและเสริมด้วยการหาตลาดใหม่เพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และชิ้นส่วน เม็ดพลาสติก เป็นต้น
สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศในปีหน้าและในอนาคตข้างหน้า เชื่อว่า นักลงทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจีนและสหรัฐมีปัญหาทางการค้าระหว่างกันอยู่ และขณะนี้จีนและญี่ปุ่นได้ร่วมมือกันที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศที่ 3 จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะดึงให้เข้ามาลงทุนให้มากขึ้น อย่างน้อยประเทศไทยจะเป็นจุดกลางของอาเซียนในเรื่องของจุดที่ตั้ง นายกลินท์ กล่าว-สำนักข่าวไทย