เปิดเวทีเสวนายกร่าง กม.ที่มีผลกระทบเด็ก

กรุงเทพฯ 7 ธ.ค.-เวทีเสวนายกร่าง กม.ที่มีผลกระทบเด็ก พบเด็กในภูมิภาคเอเชียเเปซิฟิกร้อยละ43 ถูกลงโทษก่อนอายุ3 ขวบ แนะเทคนิคสร้างวินัยเชิงบวก ส่งเสริมพัฒนาการสมอง-จิตใจ 


กรมกิจการเด็กเเละเยาวชน  กระทรวงการพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับองค์กรยูนิเซฟ จัดเวทีเสวนาประชาพิจารณ์” การยกร่างกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์ที่มีผลกระทบต่อเด็กเเละเยาวชน” เพื่อกำหนดเงื่อนไขเเห่งการสมรสเกี่ยวกับอายุขั้นต่ำในการอนุญาตให้เเต่งงานจาก 17 ปี เป็น 18 ปีเเละสิทธิหน้าที่ของบิดา มารดาเเละบุตรเกี่ยวกับผู้ใช้อำนาจปกครองทำโทษบุตรเพราะที่ผ่านมา พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องบางส่วนไม่เป็นไปตามหลักสากลเเละรายละเอียดอาจไม่ครอบคลุมเท่าที่ควรจึงต้องปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับเด็กให้เป็นไปตามมาตรฐานของรัฐธรรมนูญเเละอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

 


นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการสิทธิเด็กอาเซียน กล่าวว่า ตามกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์ กำหนดให้เด็กวัย 17 ปีที่สมรส ถือเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ จากปกติผู้ที่บรรลุนิติภาวะคือต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ที่ผ่านมาการสมรสไม่ได้ทำให้เด็กมีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้น  กลับยิ่งเพิ่มปัญหาในสังคมมากขึ้น จึงควรเเก้ไขอายุขั้นต่ำในการอนุญาตเเต่งงานจาก 17 ปีเป็น18 ปี

 

ส่วนเรื่องสิทธิเเละหน้าที่ของผู้ปกครองเกี่ยวกับการทำโทษบุตร ถึงเเม้กฎหมายจะกำหนดให้ผู้ปกครองลงโทษตามสมควรเพื่อว่ากล่าวเเละอบรมสั่งสอน เเต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเเละจิตใจของเด็กเเละเยาวชน ไม่ทำให้คุณค่าในตัวเด็กลดลง กฎหมายกำหนดชัดเจนเเต่ผู้ปกครองไร้จิตสำนึก จะสอนเด็กด้วยการลงโทษเเละให้รางวัลที่ผิด เด็กจึงซึมซับความรุนเเรง จึงเสนอ 3  มาตรการเพื่อปรับกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นคือ มาตรการการบริหาร มีหน่วยงานที่ดูเเลโดยตรง เพราะอดีตมีปัญหาเรื่องการใช้กฎหมาย มาตรการทางสังคม ปรับวิธีการลงโทษเเละมาตรการการศึกษา เพื่อให้ความรู้ด้านจิตวิทยาเด็กเเก่ผู้ปกครองก่อนจะลงโทษเด็ก


 

ด้านนางชัมบา ลาการ์วัน(Chamba Raghavan) นักวิชาการจากองค์กร  ยูนิเซฟ กล่าวว่า ความรุนเเรงที่เด็กถูกกระทำทั้งทางกายเเละวาจา จะสั่งสมไปตลอดชีวิตของเด็ก ในภูมิภาคเอเชียเเปซิฟิกสำรวจข้อมูลพบ เด็กร้อยละ 43 ถูกลงโทษเเละทำร้ายก่อนอายุ 3 ขวบ เเละเด็กร้อยละ 59 ถูกทำร้ายก่อนอายุ 5 ขวบ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงประกอบกับการศึกษาจากทั่วโลก ระบุชัดการลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกายไม่ได้ส่งผลดีเเต่อย่างใด ดังนั้นเด็กจึงควรได้รับการดูเเลเอาใจใส่ในช่วงขวบปีเเรกๆ เพราะจะมีผลกระทบต่อการทำงานของสมองเด็กไปตลอดชีวิต

 

ขณะที่นางปนัดดา ธนเศรษฐกร นักจิตวิทยาเด็ก กล่าวว่า เทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกเพื่อส่งเสริมพัฒนาการสมอง จิตใจเเละพฤติกรรมเเทนการลงโทษนั้นมีผลดีกว่าทำโทษเด็กทางกาย เดิมการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยในไทย ร้อยละ 86 เด็กได้รับเเต่การสร้างวินัยเชิงลบ ผู้ปกครองจะลงโทษเด็กด้วยคำพูดถึง 47 ครั้งทั้ง ห้าม ข่มขู่ ประชด ล้อเลียนเเละว่ากล่าวรุนเเรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากสะสมในตัวเด็ก ยิ่งส่งผลให้เพิ่มปัญหาอาชญากรรมในสังคมจึงควรสร้างวินัยเชิงบวกกับเด็ก อาทิ เปลี่ยนแปลงคำพูด ผู้ปกครองเป็นตัวอย่างที่ดีเเละใช้เวลาทำกิจกรรมเเละอยู่ร่วมกันให้มากขึ้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ