กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – กระทรวงเกษตรฯ สรุปผลงาน 4 ปีตามนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตร สามารถยกระดับรายได้เกษตรกรกว่า 1.3 ล้านครัวเรือนได้เป็นผล เร่งขับเคลื่อนแผนการผลิตของประเทศ เน้นรวมกลุ่มผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาด
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ สรุปผลการดำเนินงาน 4 ปี (2557-2561) ซึ่งได้ปฏิรูปภาคการเกษตรตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหารายได้ไม่เพียงพอ ราคาผลผลิตตกต่ำจากสินค้าเกษตรล้นตลาดและพ่อค้าคนกลางกดราคา บางส่วนเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน อีกจำนวนมากมีหนี้สินสะสมจึงกำหนดแผนการผลิตภาคการเกษตรของประเทศขึ้นมาแก้ไขปัญหาและใช้แนวทางตลาดนำการผลิต ซึ่งจะตรวจสอบความต้องการผลผลิตทางการเกษตรจากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จึงวางแผนส่งเสริมการผลิตทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง โดยกำหนดให้ปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสมและไม่ให้ผลิตมากเกินสมดุลตลาด ที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ การร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ทำแผนข้าวครบวงจร ลดการทำนาปรังในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม แล้วส่งเสริมทำการเกษตรอื่น ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้หาผู้ประกอบการมารับซื้อแน่นอน สามารถลดผลผลิตข้าวที่เกินความต้องการบริโภคและส่งออก ทำให้ราคาข้าวที่ตกต่ำสูงขึ้นได้
นายกฤษฎา กล่าวว่า น้ำเป็นปัจจัยสำคัญของภาคการเกษตรจึงได้จัดทำระบบกระจายน้ำเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ทำระบบชลประทานใหม่ 3,500 แห่ง ในพื้นที่เกษตร 2.8 ล้านไร่ เพิ่มปริมาณน้ำได้ 1,652 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำในลุ่มเจ้าพระยาโดยหาพื้นที่รองรับน้ำหลากในทุ่งบางระกำและทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง 12 ทุ่ง เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและสนับสนุนการทำประมงเป็นรายได้เสริมช่วงที่ใช้พื้นที่ดังกล่าวชะลอน้ำไว้
สำหรับการส่งเสริมการทำการเกษตรรวมกลุ่มแบบแปลงใหญ่ ปัจจุบันมี 4,007 แปลง พื้นที่ 5.1 ล้านไร่ เกษตรกรในโครงการ 300,000 คน มีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีมีกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ จากนั้นส่งเสริมให้สหกรณ์ 1,300 สหกรณ์เป็นหน่วยธุรกิจต่อรองราคาซื้อปัจจัยการผลิตและขายผลผลิตในราคาที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร 1.3 ล้านครัวเรือน ได้ 2,750 บาทต่อไร่ รวมทั้งสิ้น 2,300 ล้านบาท
ส่วนแนวทางเพิ่มช่องทางการตลาดนั้น นอกจากกระทรวงเกษตรฯ จะจับคู่ค้าให้ผู้ประกอบการมารับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกรโดยตรงแล้ว ยังกำหนดแผนพระพิรุณส่งเสริมตลาด e-commerce ขายผลผลิตทางออนไลน์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) ซึ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตและช่องทางการตลาดใหม่ ๆ สานต่อประสบการณ์จากเกษตรกรรุ่นปัจจุบัน
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดได้ช่วยปลดเปลื้องภาระหนี้สินสะสมของเกษตรกร 36,605 ราย ลดภาระหนี้ได้ 10,200 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอ ครม. เห็นชอบปรับปรุงโครงสร้างหนี้แก่เกษตรกรที่กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วกลายเป็นหนี้เสีย โดยจะจัดทำแผนพัฒนาอาชีพเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ไปชำระเงินกู้ตามสัญญาที่ทำกันใหม่ รวมถึงสามารถเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการการเกษตรแผนใหม่นั้น กระทรวงเกษตรฯ ได้ปฎิรูปโครงสร้างการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ โดยจัดตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับจังหวัด (อ.พ.ก.) ขึ้น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งจะบูรณาการการทำงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นเอกภาพและแก้ปัญหาตรงประเด็น
สำหรับโครงการสำคัญซึ่งจะเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ คือ โครงการปลูกพืชอื่นทดแทนนาปรังในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมจะทำนา โดยจากการสำรวจความต้องการของตลาดพบว่า ไทยยังขาดแคลนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยความต้องการของโรงงานผลิตอาหารสัตว์รวม 8 ล้านตันต่อปี ผลิตได้เพียง 4 ล้านตันต่อปี เมื่อเปรียบเทียบข้าวนาปรังให้กำไร 306 บาทต่อไร่ ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กำไร 3,690 บาทต่อไร่ มากกว่าข้าว 10 เท่าตัว ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้สร้างความมั่นใจให้เกษตรกรโดยสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเป็นทุน หาผู้รับซื้อมาทำสัญญาล่วงหน้า ตกลงราคารับซื้อขั้นต่ำ และประกันภัยพืชผล เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตเกษตรกรที่ร่วมโครงการอย่างแน่นอน จากนั้นจะใช้เป็นต้นแบบในการผลิตภาคการเกษตรของประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย