กบง.หนุนดีเซล-แอลพีจีเพิ่มลดผลกระทบน้ำมันแพง

กรุงเทพฯ 5 ก.ย. – กบง. มีมติกำหนดวงเงินใช้กองทุนน้ำมันฯ ชดเชย ราคาขายปลีกดีเซล ไม่เกิน 30 สตางค์ต่อลิตร โดยให้ สนพ. ประกาศอัตราการชดเชยตามความเหมาะสม โดยนำร่องทันทีวันนี้ชดเชย 15 สตางค์ต่อลิตร


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุม กบง. มีมติ กำหนดวงเงินการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อชดเชยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในอัตราไม่เกิน 30 สตางค์ต่อลิตร โดยให้ สนพ. ประกาศอัตราการชดเชยตามความเหมาะสม ซึ่งในวันนี้จะมีการประกาศอัตราชดเชยที่15 สตางค์ต่อลิตร และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ผู้ค้าน้ำมันจะมีการประกาศปรับราคาน้ำมันต่อไป 

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ปรับราคาไม่เกิน 80 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล 


นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้ขอให้ทุกฝ่ายเตรียมมาตรการรองรับความผันผวนของราคาน้ำมันที่มาจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งมาตรการที่สหรัฐจะดำเนินการคว่ำบาตรอิหร่าน และสถานการณ์ความวุ่นวายในเวเนซุเอลาที่จะทำให้สถานการณ์ราคาน้ำมันผันผวนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หนึ่งในมาตรการที่จะช่วยลดผลกระทบได้ กระทรวงพลังงานจึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการ รถขนส่งสาธารณะ หันมาเพิ่มการใช้น้ำมันดีเซล เกรดพิเศษ B20 จากปัจจุบันนี้การใช้น้ำมันประเภทนี้ยังมีเพียงกลุ่มผู้ให้บริการเรือโดยสารและรถบรรทุกขนส่งในอุตสาหกรรมหนัก โดยกระทรวงพลังงานยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการใช้ที่ปัจจุบันนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยตั้งเป้าเพิ่ม 15 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งการใช้น้ำมันดังกล่าวจะส่งผลดี ทั้งในเรื่องของการช่วยเหลือเกษตรกร การดูแลต้นทุนค่าขนส่งของผู้ประกอบการ โดยผู้ประกอบการขนส่งสามารถปรับจูนเครื่องยนต์เพื่อให้สามารถใช้กับน้ำมันดังกล่าวได้

นอกจากนี้ รมว.พลังงานกล่าวด้วยว่า กบง. ยังได้เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG ในประเทศ ไว้ที่ 363 บาทสำหรับถัง 15 กิโลกรัม โดยให้เงินกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว ติดลบได้ไม่เกิน 7,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 2 กันยายน 2561 มีฐานะสุทธิอยู่ที่ 26,022 ล้านบาท โดยแยกเป็นบัญชีน้ำมัน 29,359 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว อยู่ที่ -3,337 ล้านบาท. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง