รร.แกรนด์ไฮแอท 29 ส.ค. – รัฐบาลหวังสร้างเศรษฐกิจระดับภาคขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยกให้เขต EEC พัฒนาอุตสาหกรรมหลัก SEC พัฒนายาง ปาล์ม การท่องเที่ยว เขต NEC ดูแลแหล่งท่องเที่ยวเหนือ เขต NEEC อีสานเป็นแหล่งไบโอชีวภาพพัฒนาจากอ้อย มันสำปะหลัง ผลิตชิ้นส่วนระบบราง ดึงศักยภาพทุกภาคร่วมผลักดันจีดีพีไทย
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “Thailand Focus 2018” เรื่อง “กลยุทธ์การเชื่อมโยงประเทศสู่ One Belt One Rode ” ว่า เพื่อรองรับนโยบาย One Belt One Road เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากจีนลงมายังไทย ผ่านความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ไทยยังเดินหน้าเชื่อมโยงแหล่งอุตสาหกรรม เมื่อได้พัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มีทางออกไปยังฝั่งทะเลอันดามัน จึงเชื่อมเส้นทางจาก EEC ผ่านอ่าวไทยมาขึ้นฝั่งที่ จ.ชุมพร จากนั้นส่งสินค้าผ่านรถไฟทางคู่ต่อไปยัง จ.ระนอง และต่อไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา
จากนั้นจึงต้องการผลักดันเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ด้วยการดึงศักยภาพทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน พัฒนาด้วยอุตสาหกรรมไบโอชีวภาพให้มีคุณภาพสูงขึ้นบวกกับการท่องเที่ยว เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ หวังให้ไทยมีเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญกระจายทุกภาค เตรียมผลักดันระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) ที่มีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวและบริการ เส้นทางการค้า การลงทุน และยังเตรียมผลักดันการตั้งเขตเศรษฐกิจภาตตะวันออกเฉียงเหนือ (NEEC) เพื่อดึงศักยภาพทั้งการขนส่ง เป็นแหล่งพัฒนาไบโอชีวภาพ อ้อย น้ำตาล มันสำปะหลัง ข้าว เป็นแหล่งพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อุปกรณ์ระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้า เพื่อให้ทุกภาคเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอย่างสมดุลหากภาคใดมีปัญหาจะได้เสริมจีดีพีของประเทศได้ และจากปัจจัยบวกหลายด้านดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4.5-5
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการผลักดันเขตเศรษฐกิจทุกภาค หลังจากเขต EEC มีกฎหมายรองรับ ในส่วนภาคอื่นจะพิจารณาดูแลต้องจัดตั้งสำนักงาน หรือแก้ไขให้มีกฎหมายรองรับการผลักดันอย่างไรบ้าง รวมทั้งการออกมาตรการสร้างแรงจูงใจการลงทุนลักษณะใดให้สอดคล้องตามภูมิภาค คาดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือ เพื่อสรุปแนวทางเสนอ ครม.พิจารณาได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) กล่าวยอมรับว่า มีกระแสเงินทุนระยะสั้นต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาในสัดส่วนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ธปท.จึงเกิดความไม่สบายใจ จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการพิเศษเข้ามาดูแลกระแสเงินทุนไหลเข้ามาในช่วงนี้ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ทั้งเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ทุนสำรองในระดับสูง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดคลายความกังวลสงครามการค้า จึงมีเงินทุนไหลเข้าไทยเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย