ม.หอการค้าไทย 8 ธ.ค. – หอการค้าไทยเผยเศรษฐกิจชะลอตัวชัดเจน หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายนลดลงเป็นเดือนที่ 2 หวังเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 50,000-80,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้โตตามเป้าหมายร้อยละ 3.2
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน 2559 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 อยู่ที่ 72.3 จาก 73.1 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมลดลงมาอยู่ที่ 61.2 จาก 62 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคต (ใน 6 เดือนข้างหน้า) ปรับลดลงอยู่ที่ 74.9 จากระดับ 75.3 การปรับตัวลดลงของดัชนีเกือบทุกรายการ เนื่องจากประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันและในอนาคตที่ยังปรับตัวดีขึ้นไม่มากเท่าที่ควร ประกอบกับสถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะข้าวที่มีราคาต่ำจะส่งผลต่ออำนาจซื้อในปัจจุบันและในอนาคตของประชาชน
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอลงอย่างชัดเจนและยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 2 เดือน ซึ่งหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีประมาณ 50,000-80,000 ล้านบาท ทั้งมาตรการดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเม็ดเงินจะเริ่มโอนให้เกษตรกร และคาดว่าจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเดือนธันวาคมนี้ ประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท ส่วนมาตรการเที่ยวช่วยชาติจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่ม 5,000 -10,000 ล้านบาท และมาตรการช้อปช่วยชาติ หากกำหนดวงเงินซื้อสินค้าที่นำมาลดหย่อนภาษี 15,000 บาทต่อคน จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 15,000 – 20,000 ล้านบาท แต่หากรัฐบาลเพิ่มวงเงินช้อปช่วยชาติเป็น 30,000 บาท จะมีเม็ดเงินมากขึ้นเป็น 25,000- 30,000 ล้านบาท ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2559 ขยายตัวร้อยละ 3 ส่วนจีดีพีปี 2559 ยังขยายตัวตามเป้าหมายที่ร้อยละ 3.2
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจปี 2560 ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งถือว่ายังไม่แรงเพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาลยังต้องอัดฉีดเม็ดเงินสู่ภูมิภาคและเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ครึ่งแรกของปีหน้ามีแรงส่งทางเศรษฐกิจ เพราะแม้ว่าการส่งออกปี 2560 จะดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1 จากปีนี้อยู่ที่ 0 ถึงหดตัวร้อยละ 1 แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่ชัดเจนนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้คาดว่าเอกชนและต่างชาติจะชะลอการลงทุนไป 3 – 6 เดือน ดังนั้น คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 โดยยังคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวตามศักยภาพที่ร้อยละ 3.5 -4 ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าร้อยละ 4 จะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยระยะยาว.-สำนักข่าวไทย