ชัวร์ก่อนแชร์ : ถอดบทเรียนจากถ้ำหลวง : การเปิดรับ-ส่งต่อข้อมูลโซเชียล


กทม. 3 ก.ค. – ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ถอดบทเรียนด้านข้อมูลข่าวสารดิจิทัลจากเหตุการณ์ถ้ำหลวง ที่จะทำให้คนไทยรู้เท่าทันโซเชียลมากขึ้น 


ชัวร์ก่อนแชร์ : ถอดบทเรียนถ้ำหลวง เหตุใดเมืองไทยยังไม่ไร้ “ข่าวปลอม”

รายงานพิเศษ โดย ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท

“พบแล้ว 1 ศพ”

พาดหัวข่าวที่สร้างความตื่นตกใจให้ชาวไทยบนโซเชียล เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 มาพร้อมภาพหมู่โค้ชและเหล่านักฟุตบอลทีมหมูป่าเป็นพื้นหลังของข้อความพาดหัวสีแดงสด ตัวอักษรแบบเดียวกับหนังสือพิมพ์ชื่อดัง และภาพเล็กในกรอบมุมบนขวา เป็นศพมนุษย์ในสภาพขึ้นอืดน่าสยดสยอง


เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไทยที่ติดตามความคืบหน้าการค้นหาทั้ง 13 ชีวิต ซึ่ง ณ ขณะนั้นยังไม่มีใครทราบชะตากรรม ต่างหลงเชื่อและรีบกดแชร์ต่อให้เครือข่ายเพื่อนได้รับทราบข่าวสำคัญ โดยไม่ทันเฉลียวใจหรือฉุกคิดพินิจดูว่า เว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวนี้ คือ เว็บไซต์ที่สร้าง “ข่าวปลอม” อยู่เป็นประจำ

จากการติดตามเก็บข้อมูล พบว่าเว็บไซต์ข่าวปลอมแห่งนี้ มักอาศัยจังหวะที่มีประชาชนสนใจในประเด็นข่าวใหญ่ ปล่อยข่าวเท็จออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีคดีฆาตกรรมโหด หรือแม้แต่ช่วงที่ประชาชนรู้สึกเดือดร้อนเรื่องราคาน้ำมัน เว็บแห่งนี้ก็ยังสร้างข่าวที่ทำให้เกิดกระแสโจมตีรัฐบาล จนกระทั่งทางการดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนพบหลักฐานชัดว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนในประเทศเพื่อนบ้าน และอาศัยอินเทอร์เน็ตเข้ามาทำมาหากินกับความนิยมโซเชียลของคนไทย และมีการออกหมายจับมาแล้ว

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก 3 บก.ปอท. ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนจับกุม เปิดเผยว่า หลังจับกุมมาได้แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะนี้ผู้ต้องหาได้ขอประกันตัว และทางการกัมพูชาจะดำเนินการส่งตัวกลับมาในขั้นตอนการส่งฟ้องดำเนินคดี

เบื้องหลังข่าวปลอม ยังคงเป็น “เงิน”

เมื่อปี 2559 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท เผยแพร่รายงานพิเศษชุด “แฉเว็บปลอม” เจาะลึกกลไกเทคนิคที่ผู้สร้างเว็บปลอมใช้หลอกลวงคนไทย ประกอบด้วย การสร้างข่าวปลอมที่น่าตกใจ โดยใช้ภาพประกอบที่ไม่เกี่ยวข้อง เผยแพร่บนเว็บไซต์ข่าวปลอม แล้วนำไปแชร์ต่อบนเครือข่าย Facebook โดยจุดมุ่งหมายหลักคือให้บุคคลทั่วไปหลงเชื่อและคลิกเข้ามาอ่าน รวมทั้งแชร์ต่อ ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้เกิดยอดผู้คลิกเข้าชมแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก

“อย่าคลิก! อย่าแชร์! อย่าสนใจ! ไม่ว่าคุณจะคลิกเข้าไปดู หรือคลิกเข้าไปด่า คุณก็ตกเป็นเหยื่อแล้ว” เป็นคำเตือนสรุปรวบยอดสิ่งที่พึงปฏิบัติ ซึ่งศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ แนะนำอยู่บนแผ่นภาพอินโฟกราฟิกเตือนภัยข่าวปลอมทุกชิ้นที่นำเสนออย่างต่อเนื่อง เพราะผู้สร้างข่าวปลอมเหล่านี้ต้องการเพียงแค่ให้มีคนเข้าไปอ่านจำนวนมาก เพิ่มโอกาสการเห็นและคลิกโฆษณาเท่านั้น

หากเปรียบเทียบในเชิงเทคนิคเบื้องหลัง พบว่า เว็บปลอมในช่วงปี 2560-2561 มีลักษณะกลไกการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิมที่ใช้วิธีการซ่อนโฆษณาแฝงไว้ซึ่งผู้คลิกเข้าไปไม่มีโอกาสได้เห็น เปลี่ยนมาเป็นการติดแบนเนอร์โฆษณาจำนวนมากหลายตำแหน่งแทน แต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังคงเป็นเม็ดเงินจากโฆษณาออนไลน์ที่นำมาติดให้ปรากฏนั่นเอง

จุดที่น่าสังเกตคือ การติดโฆษณาอย่างเปิดเผยบนหน้าเว็บข่าวปลอม แม้โฆษณาเหล่านั้นจะเป็นที่รับรู้กันว่าถูกสุ่มแสดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติโดยระบบของตัวแทนโฆษณา เช่น Google Ads แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อแบรนด์ขนาดใหญ่ที่ถูกระบบนำโฆษณามาแสดงได้ ประชาชนบางส่วนอาจจะมองว่า แบรนด์เหล่านั้นสนับสนุนการเผยแพร่ข่าวปลอม

เมื่อสอบถามไปที่ทีมงาน Google Ads ก็ยังคงได้รับการยืนยันว่า ไม่มีนโยบายการสร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จและข่าวปลอมแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากการกดรายงานที่ตัวโฆษณาเองแล้ว ระบบยังได้เปิดหน้าเว็บไซต์เพื่อให้รายงานเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลเท็จเข้าไปให้ทีมงานได้รับทราบโดยตรง ประชาชนทั่วไปสามารถค้นหาไปที่หมวด “การช่วยเหลือ” ของ Google Ads ได้

ไม่ใช่แค่ข่าวเดียว…

จากการเฝ้าระวังข่าวปลอมบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ พบว่าเพียงแค่ในช่วง 2 สัปดาห์ของเหตุการณ์ “ถ้ำหลวง” เว็บไซต์สร้างข่าวปลอมได้ปล่อยข่าวปลอมออกมาอย่างน้อย 8 ข่าว เฉลี่ยมีข่าวปลอมออกสู่ระบบวันเว้นวัน ระดับความเชื่อและปริมาณการแชร์ต่อก็แตกต่างกันไป 

หลายครั้งจะมีเสียงบ่นก่นต่อว่าจากผู้เสพข้อมูลไล่หลังข่าวปลอมแต่ละข่าว เหมือนราวจะหลาบจำกับข่าวปลอมที่ตนเองพลาดแชร์ไป แต่จนแล้วจนรอด ผ่านไปไม่กี่วัน สังคมโซเชียลก็ตกเป็นเหยื่อข่าวปลอมอีกครั้ง

“ตายอีกแล้ว! ซีล ศพ 2”

ข่าวปลอมนี้ฉวยโอกาสเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2561 หลังสังคมเพิ่งสะเทือนใจกับการสละชีวิตของจ่าเอกสมาน กุนัน มีผู้คนแชร์กันมากมาย ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ เร่งนำเสนอแผ่นภาพเพื่อเตือนกับดักให้ประชาชนทราบ แต่ก็ยังพบข้อความแชร์ด้วยความโกรธเคืองว่าทางการสั่งปิดข่าว ข่าวปลอมนี้จุดกระแสต่อไปอีกอย่างน้อย 2 วัน โดยบัญชีไลน์ “ข่าวจริงประเทศไทย” ของกรมประชาสัมพันธ์ ที่เพิ่งกลับมาเคลื่อนไหวได้ไม่นาน ก็ได้เผยแพร่ว่าข่าวนี้เป็นข่าวปลอม เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561

เทคโนโลยีและเหยื่อ เอื้อให้ไทยยังมีข่าวปลอม

จะเห็นได้ว่าการที่ข่าวปลอมยังคงเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อจับตาแค่ช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ถ้ำหลวงนั้น ปัจจัยยังคงเป็นไปตามหลักอุปสงค์อุปทาน “เมื่อมีคนเสพ ก็ย่อมมีคนผลิต”

ในเมื่อการสร้างเว็บปลอมสักแห่งนั้น มีค่าใช้จ่ายน้อยมาก ยังไม่มีโทษทางกฎหมายที่หลาบจำ และคนไทยยังตกใจเชื่อและแชร์อะไรต่อได้ง่าย จึงไม่แปลกที่ผู้สร้างยังพร้อมจะหารายได้ด้วยวิธีเช่นนี้ต่อไป

…และไม่ได้มีแค่ข่าวปลอม

จากการเฝ้าระวังข้อมูลข่าวสารเท็จบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ยังพบว่ามีข้อมูลเท็จ ข้อมูลคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกหลายหัวเรื่อง ซึ่งเมื่อรวมกับข่าวปลอม 8 เรื่องแล้ว ทำให้จำนวนข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือในช่วงเวลาดังกล่าวมีมากกว่า 20 หัวเรื่อง ซึ่งเกิดจากทั้งการเจตนาจงใจ และ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาทิ

ข่าวปลอม 8 ข่าว

ข่าวที่เกิดจากความเข้าใจผิด เช่น คลิปกู้ภัยเผยว่าพบปล่องที่ไปถึงตัวเด็ก

ข่าวกุเกินจริง เช่น กุข่าวดราม่าถ้อยคำโค้ชเอก

ข่าวลือที่ไม่มีมูล เช่น การเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติด

การใช้ภาพหรือคลิปผิดบริบท เช่น การใช้ภาพจากการทดสอบวัดอุณหภูมิมาอ้างว่าเป็นภาพจากภายในถ้ำ

การใช้ภาพหรือคลิปเก่า เช่น ภาพเด็กที่เคยถ่ายในถ้ำไว้ก่อนหน้านี้มาแชร์อ้างว่าเป็นภาพตอนที่ค้นพบ นำคลิปการซ้อมกู้ภัยในต่างประเทศมาอ้างว่าเป็นคลิปจากเหตุการณ์นี้

ปรากฏการณ์ถ้ำหลวง ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2561 นี้ นอกจากจะเป็นเวทีความร่วมใจจากนานาชาติแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่ช่วยสะท้อนภาพชัดของสถานการณ์ความอ่อนไหวต่อข้อมูลข่าวสารเท็จในสังคมไทย ที่ยังพร้อมจะเกิดขึ้นและแพร่กระจายได้ทุกเมื่อ

เพิ่มเพื่อน
วิธีการ • Add LINE ของสำนักข่าวไทย เข้าไปที่เพิ่มเพื่อน แล้วพิมพ์ @TNAMCOT ถ้าได้รับแชร์อะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาให้เราตรวจใน “ชัวร์ก่อนแชร์” พบกับสกู๊ปข่าวนี้ได้ในข่าวค่ำสำนักข่าวไทยทุกวัน 

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก