กรุงเทพฯ 31 พ.ค.- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หารือร่วมกรมควบคุมมลพิษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็คทรอนิกส์ ลุยแก้ต้นทางอุดช่องโหว่นำเข้าขยะมีพิษ
พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันจากการหารือร่วมกัน 4 หน่วยงาน คือ กรมควบคุมมลพิษ กรมศุลกากร และกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และหาข้อสรุปดำเนินการกับผู้ประกอบการคัดแยกกากขยะอุตสาหกรรม คือ ผู้ที่นำเข้ามาแล้วโดยถูกกฏหมาย ต้องควบคุมดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมยกเลิกใบอนุญาตนำเข้า กับผู้ที่ฝ่าฝืนกรณีกระทำให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนผู้ที่ลักลอบคัดแยก เผาทำลายโดยผิดกฏหมาย ต้องถูกดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน พร้อมสั่งหยุดการใช้งานบ่อขยะ ที่ฝังกลบขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผิดกฏหมาย
ส่วนกรมศุลกากร จะเร่งตรวจสอบตู้คอนเทรนเนอร์บรรจุสินค้า ตามบัญชีของบริษัทที่เฝ้าจับตาเป็นพิเศษทุกตู้ที่นำเข้ามาในประเทศ ซึ่งหากพบการสำแดงเท็จ จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
นายบรรจง สุกรีฑา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้มีคำเสนอให้พักใบอนุญาตโรงงาน ที่ลักลอบนำเข้าเผาหลอมทำลายขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผิดกฏหมายไปแล้ว 4 โรงงาน ส่วนอีก 2 โรงงานทำถูกกฏหมาย และเหลืออีก 1 โรงงาน ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า เข้าข่ายผิดกฏหมายหรือไม่
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหา จะมีการหารือกับกรมศุลกากร ในเรื่องของเอกสารการแจ้งรายการนำเข้า ว่า ชิ้นส่วนประเภทใด เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายตามกฏหมายบ้าง และกรมโรงงานได้ส่งข้อมูลบริษัทที่มีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้ศุลกากรไปเฝ้าระวัง เพื่อให้ช่วยคัดกรองการลักลอบนำเข้า และป้องกันการสำแดงนำเข้าอันเป็นเท็จ
ขณะที่นายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ เลขานุการ กรมศุลกากร ยืนยัน มีการสุ่มตรวจตู้คอนเทรนเนอร์ แต่ยอมรับว่า มีจำนวนตู้แต่ละวันมีมาก เกินกำลังเจ้าหน้าที่ จึงทำให้การตรวจสอบทุกตู้ ทำได้ยาก และอาจส่งผลให้เกิดการล่าช้าในการขนส่งได้ ส่วนมาตรการจากนี้ หากศุลกากร ตรวจสอบพบการลักลอบนำเข้า จะส่งดำเนินคดีทุกบริษัท โดยไม่ใช้การเปรียบเทียบปรับ ตามกฏหมายของศุลกากรเหมือนที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย