ทำเนียบฯ 20 มิ.ย.- ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 เห็นชอบแนวทาง ให้ยกเลิกการนำเข้าขยะอิเล็คทรอนิกส์ พร้อมตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ให้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน แก้ไขกฎหมายอย่างเร่งด่วน นำไปสู่การยกเลิก หากแก้ไม่ได้ เสนอนายกฯ ใช้ ม.44 พบโรงงานคัดแยกขยะในไทยทำผิดร้อยละ 90
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 5/2561 ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมได้หารือประเด็นเกี่ยวกับการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติก ที่นำเข้าจากต่างประเทศไม่ถูกต้อง จนมีผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชน และสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง ซึ่งที่ประชุมมีข้อเสนอ ทั้งที่เป็นมาตรการเร่งด่วน และมาตรการทั่วไป
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการเร่งด่วน มี 3 ประเด็น คือ 1. เสนอให้ระงับการอนุญาต นำเข้าขยะอิเล็คทรอนิกส์ ของโรงงานที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ตามพันธะกรณีของอนุสัญญาบาเซล ที่ไทยเข้าร่วม 2. กรณีสำแดงเท็จการนำเข้าขยะ ให้มีการพิจารณาผลักดันการนำกลับประเทศต้นทาง รวมถึงให้เร่งดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3. กรณีขยะอิเล็คทรอนิกส์ และเศษพลาสติก ที่นำเข้า และถูกส่งไปยังโรงงานกำจัดขยะที่ไม่ถูกต้องตามใบอนุญาต ให้ส่งกลับไปยังโรงงานที่ได้รับอนุญาต หรือนำไปกำจัดให้ถูกต้อง และให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ขณะเดียวกันจะต้องเพิ่มความเข้มงวด ในการพิจารณาอนุญาตนำเข้าขยะ และกำหนดให้มีการวางเงินประกัน หากเกิดค่าเสียหายจากการสำแดงเท็จ หรือการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องของการนำเข้า โดยกรมศุลกากร จะต้องเพิ่มความเข้มงวด ในการตวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่สำแดงเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบโรงงานที่รับกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตามเงื่อนไขที่ขออนุญาต รวมถึงเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด และเพิ่มระบบการกำกับการขนส่งขยะจากท่าเรือไปโรงงาน พร้อมกันนี้ ยังมีการเสนอให้ยกเลิก การนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดด้วย
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการในที่ประชุมให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสากรรม กรมควบคุมมลพิษ กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้พิจารณาเรื่องเร่งด่วนในการแก้ไขกฎหมายการห้ามนำเข้าขยะอิเล็คทรอนิกส์ โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และหากใช้กฎหมายปกติที่มีอยู่ไม่ได้ ก็ให้คณะกรรมการเสนอใช้คำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนเองให้มากขึ้น และทำด้วยความโปร่งใส ห้ามมีการรับสินบนโดยเด็ดขาด และถ้ามีความบกพร่องก็ถือว่าทุจริตในหน้าที่และสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาให้ถือเป็นบทเรียน ต้องไม่เกิดซ้ำซากอีก และต้องมีผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น และย้ำให้ฝ่ายปกครองต้องกวดขันอุตสาหกรรมกำจัดขยะในพื้นที่ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบลและองค์การบริหารส่วนจังหวัด
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า นอกจากนี้ ให้ประสานกรมควบคุมมลพิษ และกรมโรงงานอุตสาหกรรมในการสำรวจคุมเข้มมาตรการกำจัดของเสีย โดยเฉพาะสารพิษที่ปล่อยลงทั้งทางอากาศและทางน้ำ เช่น สารตะกั่ว สารปรอทและแคทเมียม และให้กรมศุลกากรตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะขยะอิเล็คทรอนิกส์ที่ไม่ได้สำแดงหรือสำแดงเท็จ
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับรายงานว่า โรงงานคัดแยกขยะในประเทศไทย มีทั้งหมด 148 โรงงาน ดำเนินการไม่ถูกต้องตามวิธีการคัดแยกขยะ ถึงร้อยละ 90 และพบว่าโรงงานกำจัดขยะอิเล็คทรอนิกส์ มี 7 โรงงาน /ทำไม่ถูกต้อง 5 โรงงาน /ดำเนินการถูกต้องเพียง 2 โรงงาน ซึ่งทั้ง 7 โรงงาน เป็นของผู้ประกอบการชาวจีน..-สำนักข่าวไทย