Philippines' Marcos vows to fight back

ปธน.ฟิลิปปินส์โต้เดือดหลังถูกรองปธน.ขู่ฆ่า

มะนิลา 25 พ.ย.- ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ประกาศจะสู้กลับ หลังจากรองประธานาธิบดีที่มีปัญหากันกล่าวว่า เธอได้สั่งคนให้ลอบสังหารเขาหากเธอถูกสังหาร ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ วัย 67 ปี กล่าวในการบันทึกเทปถึงประชาชนทั่วประเทศอย่างแข็งกร้าวว่า ถ้อยคำที่มีผู้พูดในช่วงหลายวันมานี้กำลังก่อปัญหา เป็นการใช้คำสาบและคำขู่อย่างไร้ความยั้งคิดว่าจะสังหารคนอื่น หากการวางแผนการลอบสังหารประธานาธิบดีเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนั้น แล้วประชาชนคนธรรมดาจะเป็นอย่างไร จึงไม่ควรมองข้ามการวางแผนก่ออาชญากรรมเช่นนี้ ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวโดยไม่ได้ระบุชื่อนางซารา ดูเตอร์เต รองประธานาธิบดีหญิงวัย 46 ปี ที่เป็นผู้สมัครคู่กับเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีปี 2565 และเป็นบุตรสาวคนโตของอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต หลังจากที่เธอตอบคำถามระหว่างการแถลงข่าวทางออนไลน์เมื่อวันเสาร์ว่า เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยหรือไม่ว่า เธอได้สั่งให้คนลอบสังหารนายมาร์กอส จูเนียร์ รวมถึงภรรยาของเขาและประธานสภาผู้แทนราษฎร หากเธอถูกลอบสังหาร คำตอบที่ดุดันดังกล่าวสะท้อนถึงความขัดแย้งล่าสุดระหว่างตระกูลมาร์กอสกับตระกูลดูเตอร์เตที่รุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ความเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของทั้ง 2 ตระกูลพังลง หลังจากที่จับมือกันกวาดชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2565 ขณะเดียวกันนักเคลื่อนไหวชาวฟิลิปปินส์กลุ่มหนึ่งได้ชุมนุมเรียกร้องให้สมาชิกสภาเปิดการไต่สวนเพื่อถอดถอนนางดูเตอร์เต จากการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมและการนำงบประมาณไปใช้จ่ายอย่างไม่เหมาะสม.-814.-สำนักข่าวไทย

ปธน.ฟิลิปปินส์ถูกวิจารณ์หนักเรื่องนั่ง ฮ.ไปดูคอนเสิร์ต

มะนิลา 21 ม.ค.- ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ ถูกผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีนั่งเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งไปชมคอนเสิร์ตวงดนตรีร็อคอังกฤษทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา กลุ่มรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์แถลงว่า ฟิลิปปินส์อารีนา (Philippine Arena) ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีคนหลั่งไหลไปชมคอนเสิร์ตของวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) เมื่อคืนวันศุกร์มากถึง 40,000 คน ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการจราจรอย่างไม่คาดหมาย ทีมรักษาความปลอดภัยจึงต้องให้ประธานาธิบดีและภริยาเดินทางไปชมคอนเสิร์ตด้วยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งเพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้น ผู้ใช้คนหนึ่งโพสต์ว่า การนำทรัพยากรของทางการ เช่น เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่ง ไปใช้ในเรื่องส่วนตัวถือว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือนำทรัพยากรของรัฐบาลไปใช้โดยมิชอบ ผู้ใช้อีกคนโพสต์ว่า ประชาชนเป็นผู้จ่ายค่าเฮลิคอปเตอร์ ค่าน้ำมัน ค่ารักษาความปลอดภัย และอาจต้องจ่ายค่าบัตรคอนเสิร์ตด้วย สถานที่จัดคอนเสิร์ตอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาขึ้นไปทางเหนือ 30 กิโลเมตร ผู้ชมมักต้องเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาแสดง และอาจต้องมากกว่านั้นหากเป็นศิลปินชื่อดัง ผู้ชมคอนเสิร์ตโคลด์เพลย์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาโพสต์ว่า ออกจากบ้านก่อนเที่ยงเพื่อไปชมคอนเสิร์ตที่จะแสดงหลังเวลา 19:00 น. ทอมทอม (TomTom) บริษัทด้านการนำทางและแผนที่เผยดัชนีการจราจรว่า เขตมหานครมะนิลามีการจราจรแย่ที่สุดจากการจัดอันดับทั้งหมด 387 เมืองใน 55 ประเทศ โดยต้องใช้เวลา 25 นาที 30 […]

ผู้นำฟิลิปปินส์โทษผู้ก่อการร้ายต่างชาติระเบิดโรงยิม

มาราวี 3 ธ.ค.- ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ กล่าวโทษกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดที่โรงยิมในมหาวิทยาลัยขณะที่กำลังมีพิธีมิสซา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บมากกว่า 40 คน ประธานาธิบดีมาร์กอส ประณามการก่อเหตุดังกล่าวว่า เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติที่ไร้เหตุผลและชั่วร้าย ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองมาราวี สถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยรัฐมินดาเนาที่เกิดเหตุระเบิด ขอให้ชุมชนคริสตชนและมุสลิมร่วมมือร่วมใจกันต่อไป เมืองนี้เป็นผู้นำแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความสมานฉันท์มายาวนาน จะไม่ยอมให้การก่อเหตุรุนแรงมาบดบังความมุ่งมั่นที่มีต่อสันติภาพและความเป็นเอกภาพ เหตุระเบิดเกิดขึ้นในขณะที่กำลังมีพิธีมิสซาเช้า เมื่อเวลา 07:00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 06:00 น.วันนี้ตามเวลาไทย ที่โรงยิมของมหาวิทยาลัยรัฐมินดาเนา เมืองมาราวี ซึ่งเป็นเมืองมุสลิมใหญ่ที่สุดของประเทศ มหาวิทยาลัยแถลงประณามการก่อเหตุรุนแรง งดการเรียนการสอน และเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตำรวจเผยว่า กำลังตรวจสอบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง หรือการขว้างระเบิดเข้ามาในโรงยิม มีผู้เสียชีวิต 3 คน ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลาเนา เดล ซูร์ เผยว่า มีผู้กำลังรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมากกว่า 40 คน ภาพที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เห็นเก้าอี้พลาสติกหลายตัวพลิกหงาย และซากความเสียหายรอบแผ่นปูสีดำบนพื้นโรงยิม นักศึกษาที่บาดเจ็บเผยว่า เหตุเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทุกคนพากันวิ่งหนี และหลายคนล้มขณะวิ่ง.-814.-สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์รับปากแก้ปัญหาอาหารแพง

มะนิลา 5 ต.ค.- รัฐบาลฟิลิปปินส์รับปากว่า จะให้ความช่วยเหลือแบบเจาะจงแก่ประชากรในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากราคาอาหารแพง นายอาร์เซนิโอ บาลิซากัน รัฐมนตรีวางแผนเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์แถลงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายนว่า อยู่ที่ร้อยละ 6.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.3 ในเดือนสิงหาคม และยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือแบบเจาะจงแก่ประชากรในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากราคาอาหารแพง เช่น โครงการช่วยเหลือด้านอาหารที่เปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและเป็นโครงการแรกของประเทศ โดยจะให้ความช่วยเหลือเดือนละ 3,000 เปโซ (ราว 1,955 บาท) แก่ครอบครัวขาดแคลนอาหารที่ได้รับการคัดเลือก ครอบครัวที่มีสตรีตั้งครรภ์หรือมีมารดาให้นมบุตร นอกจากนี้รัฐบาลยังแจกเงิน 10,000 เปโซ (ราว 6,520 บาท) แก่เกษตรกร 78,000 ราย ความช่วยเหลือทางการเงิน 5,000 เปโซ (ราว 3,260 บาท) แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และอุดหนุนค่าเชื้อเพลิงให้แก่ยวดยานสาธารณะมากกว่า 74,000 คัน นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในฟิลิปปินส์สูงขึ้นเพราะข้าวราคาแพงขึ้น พืชผลเสียหายจากไต้ฝุ่นเมื่อต้นปี และเปโซอ่อนค่าทำให้สินค้านำเข้ามีราคาแพงขึ้น ข้าวเป็นอาหารหลักของชาวฟิลิปปินส์ 110 ล้านคน แต่ฟิลิปปินส์ปลูกได้ไม่เพียงพอและต้องนำเข้ามากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก พัลส์ เอเชีย […]

จีนหวังสานสัมพันธ์ฟิลิปปินส์สู่ยุครุ่งเรืองครั้งใหม่

มะนิลา 6 ก.ค. – นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ระบุว่า จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับประธานาธิบดีเฟอดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ เพื่อก้าวไปสู่ยุครุ่งเรืองครั้งใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ นายหวังกล่าวในระหว่างพบปะหารือกับนายเอ็นริเก มานาโล รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของฟิลิปปินส์ที่กรุงมะนิลาในวันนี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ได้เริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้งหลังประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ ชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมากที่ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ ให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับจีน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกไปสู่โลกภายนอก นายหวังยังระบุว่า จีนมีความปรารถนาเช่นเดียวกันกับผู้นำฟิลิปปินส์ที่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เขามั่นใจว่าการทำงานร่วมกันระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์จะนำไปสู่ยุครุ่งเรืองครั้งใหม่ของความสัมพันธ์แบบทวิภาคี สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า พฤติกรรมอันก้าวร้าวของจีนในน่านน้ำนอกชายฝั่งฟิลิปปินส์ทำให้ทั้งสองประเทศเกิดปัญหาตึงเครียดทางการทูตมาเป็นเวลานาน แต่ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ เผยเมื่อวันอังคารว่า เขาต้องการให้ฟิลิปปินส์กับจีนมีความสัมพันธ์ด้านอื่นที่นอกเหนือไปจากปัญหาขัดแย้งทางทะเล สำนักข่าวรอยเตอร์สยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำฟิลิปปินส์พยายามสานสัมพันธ์เชิงธุรกิจกับจีน แต่ในขณะเดียวกันก็รักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐในด้านการป้องกันประเทศอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

บุตรชายมาร์กอสเล็งปัดฝุ่นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถ้าชนะเลือกตั้ง

มะนิลา 5 พ.ค. – นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส และตัวเก็งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่ เล็งฟื้นฟูโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในจังหวัดบาตาอัน บนเกาะลูซอน ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ หากเขาชนะการเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า นายมาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี ให้คำมั่นว่าจะเร่งดำเนินการฟื้นฟูโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ดังกล่าว หากเขาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ และเป็นการแก้ไขความล้มเหลวของผู้เป็นบิดา เนื่องจากโรงงานแห่งนี้สร้างเสร็จในสมัยที่อดีตประธานาธิบดีมาร์กอสเป็นผู้นำฟิลิปปินส์ แต่โรงงานถูกทิ้งไว้โดยไม่เปิดใช้งาน เพราะอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสที่บริหารประเทศแบบเผด็จการถูกประชาชนโค่นล้มอำนาจในปี 2529 นายมาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งชื่นชอบเทคโนโลยีพลังงานลม แสงอาทิตย์ และความร้อนใต้พิภพ เผยในเดือนมีนาคมว่า ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องใช้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อย่างน้อย 1 แห่ง เพื่อแก้ปัญหาค่าไฟแพงในประเทศ ทั้งยังระบุว่า ฟิลิปปินส์ควรทบทวนข้อเสนอของเกาหลีใต้ในการฟื้นฟูโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์บาตาอันอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ นายอัลฟองโซ คูซี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของฟิลิปปินส์ กล่าวในที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภาเมื่อปี 2563 ว่า ผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลีใต้และรัสเซียชี้ว่า มีความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 620 เมกะวัตต์ ให้กลับมาใช้งานได้ แต่อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปีและใช้งบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ […]

ตัวเก็ง ปธน.ฟิลิปปินส์คนใหม่ตรวจหาโคเคน

มะนิลา 23 พ.ย.- นายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส และตัวเก็งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่ในการเลือกตั้งปีหน้า เข้ารับการตรวจหาโคเคน หลังจากประธานาธิบดีคนปัจจุบันอ้างว่า มีผู้สมัครคนหนึ่งใช้สารเสพติด มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า “บองบอง” แถลงว่า ได้เข้ารับการตรวจหาสารโคเคนเมื่อวันจันทร์ และได้ส่งผลตรวจให้แก่หน่วยงานตำรวจ 3 แห่ง เขาเผยกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งว่า มีผลตรวจเป็นลบ เขาไม่ได้คิดว่า ตนเองเป็นบุคคลที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตพาดพิงถึง แต่ถือว่าเป็นหน้าที่ในฐานะบุคคลสาธารณะที่จะต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวฟิลิปปินส์ว่า เขาต่อต้านการใช้สารเสพติด จึงได้ไปรับการตรวจเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีดูเตอร์เต วัย 76 ปี ซึ่งไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 และทำสงครามกวาดล้างยาเสพติดที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมากนับตั้งแต่รับตำแหน่งในปี 2559 กล่าวเมื่อวันจันทร์โดยไม่ระบุชื่อว่า มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนหนึ่งเสพโคเคน ไปถามกลุ่มคนรวยก็จะรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ส่วนสาเหตุที่เขาไม่จับกุมบุคคลคนนั้น ก็เพราะบรรดาคนรวยล่องเรือยอชต์หรือขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปเสพโคเคน กลุ่มโซเชียลเวเธอร์สเตชันส์สำรวจในเดือนตุลาคมพบว่า นายมาร์กอส จูเนียร์ได้รับเสียงสนับสนุนให้ผู้นำฟิลิปปินส์คนใหม่มากที่สุดด้วยคะแนนร้อยละ 47 ตามด้วยนางเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีจากฝ่ายค้าน วัย 56 ปี […]

...