กรุงเทพฯ 27 ก.พ. – บสก.ประเมินทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้สดใส คอนโดใกล้รถไฟฟ้ายังครองใจครอบครัวรุ่นใหม่ สินทรัพย์มือสองยังเป็นทางเลือก เพราะมีราคาถูกกว่าร้อยละ 20 – 40
นางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก. กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้เริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัว การบริโภคภาคเอกชนดีขึ้น อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินไว้ ปัจจัยเสี่ยงยังมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ที่อาจจะมีปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์บางพื้นที่
ส่วนทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบกับการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วยกระตุ้นการซื้อและการลงทุน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ยังเป็นปัจจัยหนุนให้อุปสงค์ในประเทศสูงขึ้น คาดจะมีความต้องการที่อยู่อาศัยปีนี้ 154,000 ยูนิต ครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวใหม่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้ายังเป็นที่ต้องการ ขณะที่สินทรัพย์มือ 2 ยังเป็นที่สนใจและทางเลือกของประชาชน เพราะมีราคาถูกกว่าร้อยละ 20 – 40 ทำเลทองยังเป็น สุขุมวิท ทองหล่อ สนามเป้า
สำหรับทิศทางการดำเนินงานปี 2561 บสก.จะขับเคลื่อนองค์กรเติบโตแบบยั่งยืน ด้วยการวางรากฐานสู่การเป็น Digital Enterprise ที่มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าด้วยการตลาดดิจิทัล เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม มุ่งช่วยเหลือลูกค้าที่ปรับโครงสร้างหนี้ และลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ของ บสก.และจะถือปฏิบัติต่อลูกค้าของ บสก.เทียบเท่ากับลูกค้าชั้นดีของธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ ในปี 2560 บสก.มีสินทรัพย์รวม 99,933 ล้านบาท รายได้ทั้งหมด 7,653 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.67 บาท ส่วนแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในระบบสถาบันการเงินปี 2561 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ซึ่งทรงตัวระดับเดียวกับปี 2560 เนื่องจากแนวโน้มของเศรษฐกิจมีทิศทางเติบโตดีขึ้น ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2560 มียอดเอ็นพีแอลในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยและธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศรวม 429,030 ล้านบาท และธนาคารพาณิชย์ไทยมีเอ็นพีเอ คิดเป็นมูลค่ารวม 86,232 ล้านบาท ขณะที่วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บสก.มีเอ็นพีแอล 73,809 ราย คิดเป็นภาระหนี้รวม 442,052 ล้านบาท และเอ็นพีเอ 16,377 รายการ มูลค่า 45,177 ล้านบาท
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บสก. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2560 ว่า มีรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้และจำหน่ายทรัพย์รวมทั้งสิ้น 15,269 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.95 เมื่อเทียบกับเป้าหมาย 15,277 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,500 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินงานปี 2560 มีการเพิ่มขนาดสินทรัพย์ โดยรับซื้อรับโอนเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอจากสถาบันการเงินเข้ามาบริหารจัดการ10,963 ล้านบาท เป้าหมายแผนกลยุทธ์ปี 2561 ประมาณการเป้าหมายการสร้างรายได้จากการบริหารจัดการเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอรวมทั้งสิ้น 16,436 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากเอ็นพีแอล 10,220 ล้านบาท และรายได้จากเอ็นพีเอ 6,216 ล้านบาท รวมทั้งประมาณการกำไรสุทธิ 4,193 ล้านบาท ขณะที่วางเป้าหมายเพิ่มขนาดสินทรัพย์ โดยประมูลซื้อจากสถาบันการเงินคิดเป็นเงินลงทุนจากการซื้อสินทรัพย์ 8,315 ล้านบาท
สำหรับการบริหารจัดการเอ็นพีแอลนั้น มีการกำหนดแนวทางการประนอมหนี้ให้เหมาะสมกับกลุ่ม ลูกค้า พร้อมปรับโครงสร้างหนี้รายย่อยให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนในระยะยาว และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถมาประนอมหนี้กับ บสก.ได้ทุกขั้นตอน ส่วนปีนี้จะมุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการเอ็นพีเอให้มีสภาพพร้อมขาย โดยจะเน้นการปรับปรุงซ่อมแซมทรัพย์ให้มีสภาพดีและสวยงาม เพื่อนำออกจำหน่ายในราคาที่ไม่แพง รวมทั้งมีโครงการที่จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์ได้ง่ายขึ้น.- สำนักข่าวไทย