เดนมาร์ก 10 ต.ค.-เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เดนมาร์กนำมาใช้ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรแออัดของบรรดาจักรยานในเมืองหลวง
ยามเช้าที่เร่งรีบ ผู้คนในกรุงโคเปนเฮเกนต่างกระวีกระวาดออกจากบ้าน บ้างไปทำงาน บ้างก็ไปเรียนหนังสือ ปัจจุบันผู้คนที่นี่นิยมใช้จักรยานเป็นพาหนะกันมากขึ้น จากสถิติพบว่าเมื่อปีที่แล้วเป็นครั้งแรกที่มีจำนวนรถจักรยานปั่นเข้าเมืองแซงหน้าจำนวนรถยนต์ไปแล้ว โดยมีจักรยานถึงราว 265,700 คัน ขณะที่มีรถยนต์ 252,600 คัน เปรียบเทียบกับในปี 2513 ที่มีจักรยาน 100,000 คัน และรถยนต์ 340,000 คัน ทำให้สภาพการจราจรในช่วง เวลาเร่งด่วนแออัดคับคั่งมาก ทางการกรุงโคเปนเฮเกนจึงได้นำเทคโนโลยีไฮเทคมาใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่จักรยานเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้สะดวกยิ่งขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ทางการกรุงโคเปนเฮเกนได้ติดตั้งป้ายบอกข้อมูลสภาพการจราจรอัจฉริยะไว้ข้างถนนที่มุ่งหน้าไปยังใจกลางเมือง ในบริเวณที่มีการจราจรแออัดคับคั่ง 5 แห่ง โดยหวังจะช่วยลดความคับคั่งของจักรยานในช่วงเวลาเร่งรีบ และช่วยให้ผู้ขับขี่จักรยานเดินทางได้สะดวกขึ้น
สเตฟเฟน ราสมุสเซน หัวหน้าแผนกจราจรของกรุงโคเปนเฮเกน บอกว่า นี่เป็นหนึ่งในป้ายข้อมูลจราจรรูปแบบใหม่สำหรับผู้ขี่รถจักรยาน พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ไว้ เพื่อตรวจวัดปริมาณความแออัด หากมีสภาพจราจรแออัด เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำนักปั่นให้หลีกเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางหนึ่งที่สะดวกรวดเร็วกว่า
ราสมุสเซนบอกว่า ปัจจุบันราวร้อยละ 40 ของพาหนะที่ผู้คนใช้เดินไปทำงานหรือไปเรียนหนังสือในกรุงโคเปนเฮเกน เป็นการปั่นจักรยาน เจ้าหน้าที่ทางการหวังจะเพิ่มอัตราส่วนขึ้นเป็นร้อยละ 50 ให้ได้ภายในปี 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนส่งเสริมให้ผู้คนหันมาเดิน ปั่นจักรยาน และใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทางให้มากขึ้น ทางการยังมีแผนจะติดตั้งป้ายบอกสภาพจราจรอัจฉริยะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง.-สำนักข่าวไทย