หอการค้าไทย มั่นใจการลงทุนใน EEC ทั้งของภาครัฐ-เอกชน

กรุงเทพฯ 19 ก.ย.-หอการค้าไทย ประเมิน EEC จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างโอกาสในอุตสาหกรรมใหม่ คาด การลงทุนที่เกิดขึ้นใน EEC ของภาครัฐ เฉลี่ย 3 แสนล้านบาทต่อปี 


นายกลินท์  สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศ เพื่อให้หลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง เพราะจะเป็นการสร้างโอกาสของประเทศเพิ่มมากขึ้นทั้งในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ และการเพิ่มความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมหลักเดิม ทำให้มีการสร้างงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจบริการ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ มาเชื่อมโยง กับประเทศในอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ พร้อมเตรียมผลักดันพัทยาให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองธุรกิจและท่องเที่ยวที่ทันสมัย รองรับการเชื่อมโยง EEC

ทั้งนี้ หอการค้าไทย ประเมินว่า การลงทุนที่เกิดขึ้นในอีอีซี ของภาครัฐ เฉลี่ย 3 แสนล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 5 ปี รวมกับการลงทุนต่างๆของภาคเอกชน จะสามารถเพิ่มตัวเลขเศรษฐกิจไทย ให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณร้อยละ 1 ถึงร้อยละ 1.5 ต่อปี ซึ่งภาคเอกชน เริ่มตื่นตัว และพร้อมเข้าไปลงทุน โดยหอการค้าไทย จะได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เตรียมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนต่างๆ เพื่อสร้างบุคลากรรองรับการขยายตัวของเออีซีในอนาคต


ส่วนความกังวลของภาคเอกชนบางส่วนในหลายประเด็น เช่น การเตรียมความพร้อมของแรงงานทักษะ / และการทำงานเชิงรณาการกับหน่วยงานภาครัฐในท้องถิ่น นั้น หอการค้าไทย จะจัดทีม ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน นำประเด็นต่างๆเข้าหา กับทีม อีอีซี โดยนายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการ อีอีซี  เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น และให้ข้อเสนอแนะ รวมไปถึงช่วยประชาสัมพันธ์ดารขับเคลื่อน อีอีซีในอนาคต

ทั้งนี้ หลังจากนักญี่ปุ่น ได้เดินทางเยือนประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ได้แสดงความสนใจต่อการลงทุนใน อีอีซี เป็นอย่างมาก โดยนายโซจิ ซาคาอิ (Mr. Soji  Sakai ) ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ กล่าวว่า  จากการสำรวจของหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ พบว่าร้อยละ 40 ของบริษัทสมาชิกแสดงความสนใจที่จะลงทุนในอีอีซี และเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งหากมีโครงการลงทุนที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการพัฒนารถไฟความเร็วสูง จะทำให้การตัดสินใจลงทุนมีมากขึ้น โดยต้องการให้รัฐบาลไทย เดินหน้าตามแผนที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งเตรียมพร้อมผลิตบุคลากรให้เพียงพอรองรับอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่จะเข้ามาจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง