วอชิงตัน 30 ต.ค. – ผลสำรวจความคิดเห็นระดับประเทศ ล่าสุดจากรอยเตอร์/อิปซอส รวมทั้งผลการสำรวจในรัฐสวิงสเตท พบว่ารองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สองคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ยังมีคะแนนนิยมที่สูสีกันมากในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง
ผลการสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกัน โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ร่วมกับอิปซอส (Reuters/Ipsos) ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 1 สัปดาห์ก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน พบว่า ผู้สมัครทั้งสองคนคือนางแฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และนายทรัมป์ คู่แข่งจากรีพับลิกัน ยังมีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีกันอย่างมาก คะแนนของนางแฮร์ริสที่นำนายทรัมป์ ลดลงมาเหลือความห่างเพียงจุดเดียว อยู่ที่ร้อยละ 44 ต่อ 43 ชี้ให้เห็นว่า การเลือกตั้งที่แข่งขันกันดุเดือดมาตลอด กำลังรุนแรงเข้มข้นยิ่งขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานเป็นประเด็นที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกังวลมากที่สุดเหมือนทุกครั้ง โดยในการสำรวจครั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชอบแนวทางของนายทรัมป์ในประเด็นเหล่านี้มากกว่า ที่ร้อยละ 47 ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งชอบแนวทางของนางแฮร์ริส อยู่ที่ร้อยละ 37 อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการสำรวจความคิดเห็นระดับประเทศ ซึ่งให้ข้อมูลโดยรวมที่ดีเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีต่อแฮร์ริสและทรัมป์ในสัปดาห์สุดท้าย แต่ที่สำคัญ ผลการเลือกตั้งจะตัดสินผ่านการแข่งขันกันในแต่ละรัฐด้วยเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง หรือ Electoral College ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นในรัฐที่เป็นสวิงสเตท หรือรัฐสมรภูมิ ทั้ง 7 รัฐ ที่คาดว่าจะตัดสินผลการเลือกตั้ง ยังแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่แข่งทั้งสองคน ยังมีคะแนนสูสีกันมาก
ทั้งนางแฮร์ริสและนายทรัมป์ ต่างหาเสียงเพื่อหวังคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอิสระที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครในรัฐสมรภูมิที่สำคัญในวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยนายทรัมป์เลือกไปขอคะแนนจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเคร่งศาสนาในรัฐจอร์เจีย หนึ่งในรัฐสวิงสเตท ทางภาคใต้ ในงานคณะกรรมการที่ปรึกษาศรัทธาแห่งชาติ (National Faith Advisory Board) ส่วนนางแฮร์ริส ไปหาเสียงในรัฐมิชิแกน ด้วยการเดินทางไปยังโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ครั้งแรก และนำเสนอนโยบายต่าง ๆ ต่อสหภาพแรงงาน ก่อนมีกำหนดจะกล่าวปราศรัยครั้งสำคัญที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมฟังกว่า 20,000 คน.-815.-สำนักข่าวไทย