“พิชัย” เชื่อ​สหรัฐ​ชะลอ​ขึ้นภาษีเพื่อ​เปิดทางเจรจา

กรุงเทพฯ​ 10 เม.ย. – “พิชัย” รอง​นายก​ฯ​ ​เชื่อการชะลอ​มาตรการ​ภาษี​ต่าง​ตอบโต้​ของ​สหรัฐ​​ เป็น​การ​เปิด​ทางให้แต่ละ​ประเทศ​เจรจาปรับดุลการค้า​กับสหรัฐ​​ เตรียม​เชิญ​ผู้​ประกอบการ​ร่วม​หารือ​กับ​ 3 กระทรวง​หลัก​ กำหนด​ความชัดเจน​เกี่ยวกับ​การนำเข้า​-ส่งออก​ ส่วนข้อเรียกร้อง​ของ​กลุ่ม​ผู้​เลี้ยง​สุกร​ อยากให้เข้าใจว่า​ การนำเข้าสินค้า​เกษตร​ชนิด​ใด​เพิ่ม​ จะกำหนด​อัตรา​เฉพาะ​ส่วน​ที่​ในประเทศ​ขาด หรือนำเข้ามาเพื่อแปรรูป​ โดยจะพิจารณา​รอบคอบ เพื่อ​ลด​ผลกระทบ​ คาดเศรษฐกิจ​โตลดลง​ทั้งโลก​ ขึ้นอยู่กับ​ใครปรับตัว​ได้​ดี


นายพิชัย​ ชุณห​วชิร​ รองนายกรัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจามาตรการภาษีต่างตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา​กล่าว​ถึง​การ​ที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ​นำมวลชนมาชุมนุมหน้ากระทรวงการคลัง​ เพื่อคัดค้านการนำเข้าเครื่องในหมูจากสหรัฐฯ โดยยืนยันว่า​ รัฐบาลจะพิจารณาการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ อย่างรอบคอบ เฉพาะในส่วนที่ประเทศผลิตได้ไม่เพียงพอ หรือนำเข้า​เพิ่ม​เพื่อแปรรูป​สำหรับส่งออกซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหา​ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา และสร้างรายได้ เข้าประเทศไปพร้อมกัน

สำหรับข้อกังวลด้านสุขภาพจากสารเร่งเนื้อแดง นายพิชัย ระบุว่า จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปพิจารณาอีกครั้ง​ แต่ประเทศ​ต่าง​ๆ​ มีมุมมอง​เกี่ยวกับ​การใช้สารเร่ง​เนื้อ​แดงต่างกัน​ นักวิชาการ​ใหญ่ยืนยัน​ว่า​ ไม่มีปัญหา​ต่อ​สุขภาพ​ โดยเน้นย้ำการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน พร้อมกำหนดให้ติดฉลากแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคมีสิทธิเลือกบริโภคอย่างมีข้อมูล


ส่วนกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเลื่อนการใช้มาตรการภาษีต่างตอบโต้ไปอีก 90 วัน นายพิชัย ชี้แจงว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยประเมินไว้ล่วงหน้าแล้วว่า​ อาจเกิดขึ้น เนื่องจากการใช้มาตรการขึ้นภาษีดังกล่าว​ของสหรัฐฯ ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงผู้บริโภคในสหรัฐฯ เอง ทั้งนี้ ไทยจะใช้ช่วงเวลาที่ได้เพิ่มนี้ เร่งเจรจาในรูปแบบทวิภาคีกับสหรัฐฯ เพื่อพิจารณาว่ามีสินค้ารายการใดที่สามารถนำเข้า–ส่งออกระหว่างกันได้เพิ่มเติม รวมทั้ง​การพิจารณา​แหล่ง​กำเนิด​สินค้า​อย่าง​เข้มงวดขึ้น​เนื่องจาก​สินค้า​ส่งออก​บางรายการเป็นสินค้าที่มีแหล่ง​ผลิตหลักในต่างประเทศ​และ​ผ่านเข้ามาในประเทศไทย​ช่วงสั้นๆ​ เป้าหมายสำคัญ​คือ​ การเจรจาปรับ​ดุลการค้า​เพื่อ​ให้เกิด “Win-Win Solutions” โดยจะทำควบคู่กับการหารือในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อร่วมประเมินภาพรวมดุลการค้าในภูมิภาค

นายพิชัย ยังเปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไปของการเจรจาไทย–สหรัฐฯ จะเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อกำหนดรายการสินค้านำเข้า–ส่งออกให้ชัดเจนก่อนเข้าสู่กระบวนการเจรจากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)

พร้อม​ระบุ​ว่า​ การเจรจาครั้งนี้จะไม่ใช่การตกลงครั้งเดียวจบ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องหารือหลายรอบ เพื่อให้ระดับบริหารสูงสุดของทั้งสองฝ่าย​พิจารณาอีกครั้ง


นายพิชัย ยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยย่อมได้รับผลกระทบจากบริบทการค้าโลก เช่นเดียวกับทุกประเทศ ขึ้นอยู่​กับรัฐบาลของแต่ละประเทศ​ว่า​ จะสามารถปรับตัวได้ดีเพียงใด​เพื่อ​ให้​สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว ขณะนี้​กำลัง​เตรียมแผนรองรับผลกระทบต่อภาคการเกษตรและการจ้างงานอย่างรอบคอบเนื่องจาก​ไทยเป็น​แหล่ง​ผลิตสินค้า​เกษตร​และ​เป็น​ผู้นำ​ด้าน​การส่งออก​ มาตรการ​ภาษี​ทรัมป์​จะกระทบ​กับ​การ​ผลิต​ภาคเกษตร​และ​การ​จ้างงาน​อย่างแน่นอน

นอกจากนี้​ยังความเป็​นไปได้สูงที่จะปรับขึ้นเพดาน​หนี้​สาธารณะ​ แม้ที่ผ่านมา​จะพยายาม​รักษา​วินัย​การ​คลังอย่าง​เต็ม​ที่​เพื่อ​ให้หนี้สาธารณะ​ไม่เกิน​ 70% ของ​ GDP แต่​หาก​จำเป็นต้อง​ปรับ​เพดาน​ จะต้อง​มั่นใจ​ว่า​ จะนำหนี้ที่ก่อเพิ่ม​มาใช้​ประโยชน์​สูงสุด​ในการแก้วิกฤต​นี้​ ส่วน​ “เงินหมื่น” เฟส​ต่อ​ไป​ จะยังคง​แจกตามกำหนด​เดิม​หรือ​ไม่​ นายพิชัย บอกว่า​ คำถาม​นี้เอาไว้ก่อน.​ -512-สำนักข่าว​ไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย