คุมตัว “เจมส์” กักขังลูกสาวแท้ๆ ดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง

15 ก.ย. – สืบนครบาลคุมตัว “เจมส์ ทศกัณฐ์” ลวงลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ปี ถ่ายคลิปทำ OnlyFans และกักขังข่มขืน 7 วัน 7 คืน ไปดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง


ความคืบหน้ากรณีนายอนณ หรือ “เจมส์ ทศกัณฐ์” อายุ 32 ปี จับลูกสาวตัวเองวัย 14 ปี ขังในบ้านแล้วลงมือข่มขืน บังคับถ่ายคลิปทำ OnlyFans อีกทั้งยังตระเวนหาชายแปลกหน้ามาข่มขืนลูกสาวและภรรยาตัวเองแบบ “ทรีซั่ม” กว่า 7 วัน 7 คืน เพื่อถ่ายคลิป 18+

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.10 น. ชุดสืบนครบาลควบคุมตัว “เจมส์ ทศกัณฐ์” พร้อมภรรยาที่ร่วมก่อเหตุ ออกจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” แล้ว


โดยระหว่างควบคุมตัวขึ้นรถตู้ ผู้สื่อข่าวสอบถามข้อเท็จจริงว่า นายเจมส์ข่มขืนลูกสาวตนเองตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ นายเจมส์ ระบุว่า “ไม่ได้ทำครับ” อ้างว่าตนเองมีหลักฐานเป็นแชทที่ฝั่งผู้เสียหายสมยอม พร้อมกับปฏิเสธอ้างว่าตัวผู้เสียหายไม่แน่ใจว่าใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตน เพราะตนเองเลิกรากับแม่เด็กไปตั้งแต่ก่อนที่เขายังไม่เกิด ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่าสิ่งที่ผู้เสียหายต้องการนั่นก็คือเงิน

ขณะเดียวกัน ช่วงเวลา 12.50 น. ตำรวจสืบนครบาลพาตัวหญิงซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายเจมส์ ขึ้นรถตู้ไปรอนายเจมส์ โดยในระหว่างเดินขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายเจมส์หรือไม่ ปรากฏหญิงสาวคนดังกล่าวไม่ตอบคำถามใดๆ

ทั้งนี้ จากรายงานการสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า นายเจมส์ยังคงให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหา ส่วนที่นายเจมส์กล่าวอ้างว่าผู้เสียหายไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตนนั้น ทางสืบนครบาลมีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าผู้เสียหายคือลูกของนายเจมส์จริงๆ


หลังจากนำตัวนายเจมส์ส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้ว เจ้าหน้าที่สืบนครบาลจะดำเนินการร้องทุกข์เพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อเอาผิดนายเจมส์ และหญิงซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายเจมส์ ในข้อหาผลิตและครอบครองสื่อลามกเด็ก กับข้อหานำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับทั้งสอง และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม-7 สิงหาคม 67 หลังชุดสืบนครบาลได้สืบสวนติดตามตัว “เจมส์ ทศกัณฑ์” ซึ่งตระเวนก่อเหตุซ้อนแผน ฉกโทรศัพท์อย่างแยบยลด้วยการลวงให้ส่งของผ่านบริการรถรับจ้าง แล้วใช้จังหวะช่องโหว่ลักโทรศัพท์เหยื่อเป็นจำนวนมาก โดยก่อเหตุลักษณะเดียวกันต่อเนื่องมาหลายคดีในพื้นที่ สน.ปทุมวัน, สน.ทองหล่อ และ สน.หัวหมาก จนถูกออกหมายจับ

ระหว่างที่ชุดสืบนครบาลไล่ล่าติดตามจับกุมตัวได้ไปพบกับลูกสาวของนายเจมส์ วัย 14 ปี เล่าว่า นายเจมส์เป็นพ่อแท้ๆ ของตน โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างตนเองนั่งอยู่บนรถยนต์กับพ่อ พ่อชวนให้ทำหนังผู้ใหญ่ OnlyFans จากนั้นพาไปฉีดยาคุมที่คลินิกย่านทุ่งครุ ก่อนพาตัวเข้าไปในบ้านพักย่านคลองหลวง ตนพยายามขัดขืน แต่พ่อข่มขู่พร้อมกับยึดโทรศัพท์ ก่อนขังตนไว้ในบ้านพัก จากนั้นเริ่มลงมือข่มขืนตนกว่า 7 วัน 7 คืน อีกทั้งยังออกไปตระเวนหาคนเพื่อให้มาข่มขืนตน เพื่อจะถ่ายคลิป 18+

นอกจากนี้พ่อยังเรียกภรรยาคนใหม่ พร้อมกับชายแปลกหน้าที่หามา ให้มาร่วมถ่ายคลิปพร้อมกับตน ตนถูกกระทำชำเราทุกวันจนทนไม่ไหว จึงพยายามหลบหนี แอบเอาโทรศัพท์ทักไปบอกญาติ แต่ถูกจับได้ ถูกทำร้ายตบตีและข่มขู่ สุดท้ายเมื่อออกจากบ้านมาได้จึงเดินทางไปแจ้งความ

นำมาสู่การอนุมัติหมายจับนายเจมส์ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” แต่หลังจากเรื่องแดงขึ้น นายเจมส์ไหวตัวทัน ทำลายหลักฐาน ถอดกล้องวงจรปิดในบ้านพักหลังดังกล่าว ก่อนหลบหนีออกนอกพื้นที่

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงส่งชุดสารวัตรแจ๊ะติดตามไล่ล่าคนร้ายรายนี้จนได้เบาะแสว่าหลบหนีไปอยู่ที่บ้านเช่าในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงนำกำลังเข้าจับกุม โดยขณะจับกุม นายเจมส์อยู่กับแฟนสาวภายในบ้านพัก พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนลูกสาวตัวเองและไม่ได้ทำเว็บโป๊

แต่เมื่อเค้นสอบขยายผลจนได้ข้อมูลว่านายเจมส์วางแผนกับแฟนสาวทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวจริง ไม่ว่าจะแอบวางยาและวางแผนการอื่นๆ นอกจากนี้ยังพบว่าเปิดเป็นแอดมินกลุ่มลับ “มิกิ” ไลฟ์โป๊เปลือยแนววิปริต โดยตระเวนให้แฟนของตัวเองไปนอนกับชายอื่นแล้วไลฟ์จำนวนมาก อีกทั้งยังพบแชทการวางแผนของนายเจมส์ที่จะให้ชายอื่นมามีเพศสัมพันธ์กับลูกสาวตัวเอง และยังพบหลักฐานการแบล็กเมล์ หลอกให้เด็กสาววัย 15 ปี ถ่ายเรือนร่าง แล้วขู่เอาเงิน 5,000 บาท

ในชั้นจับกุม “เจมส์ ทศกัณฐ์” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองไม่ได้ทำหนังโป๊ แต่ที่ตำรวจพบคือการไลฟ์การมีเพศสัมพันธ์ ส่วนที่ลูกสาวแท้ๆ ไปแจ้งความเพราะตนไม่ยอมซื้อโทรศัพท์ไอโฟนให้ ลูกเลยไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนที่ย้ายที่อยู่บ่อยๆ ไม่ได้เป็นการหลบหนี แต่เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ยอมรับว่าทำคลิปโป๊จริง โดยจะให้แฟนคนปัจจุบันเป็นนักแสดงหลัก ตระเวนหาชายอื่นและโลเกชั่นอื่นๆ เพื่อถ่ายทำ บางครั้งให้ชายแปลกหน้า 2 คน มามีเพศสัมพันธ์กับแฟนตัวเอง ยอมรับว่าเป็นรสนิยมของทั้งตนและแฟน แต่ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเช่นนี้กับลูกสาวตัวเอง เป็นเพราะเด็กกุเรื่องขึ้นมาเอง

ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากการขยายผลพบพยานหลักฐานสอดคล้องไปทางคำให้การของฝ่ายผู้เสียหาย อีกทั้งยังพบหลักฐานการทำลายพยานหลักฐานและการหลบหนีของผู้ต้องหา รวมทั้งยังพบพยานหลักฐานที่เป็นความผิดอีกหลายข้อหา โดยยังพบว่ามีเด็กสาววัย 15 ปี กำลังตกเป็นเหยื่อการแบล็กเมล์ของคนร้ายอีกด้วย

นอกจากนี้ เจมส์ ทศกัณฐ์ ยังเคยมีประวัติคดีอาญาอีก 7 คดี คือ 1.วันที่ 21 มีนาคม 63 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.ผึ่งแดด จ.มุกดาหาร 2.วันที่ 16 กรกฎาคม 65 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 3.วันที่ 29 ธันวาคม 65 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

4.วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” พื้นที่ สน.ทองหล่อ 5.วันที่ 30 มีนาคม 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คฯ” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 6.วันที่ 7 เมษายน 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.หัวหมาก

ล่าสุด คดีที่ 7 วันที่ 31 กรกฎาคม 67 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” พื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี .-418-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”