6 ก.ย. – กรมชลประทาน เตรียมเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา จาก 1,500 เป็น 1,700 ลบ.ม./วินาที แจ้งเตือน 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา รับมือน้ำสูงขึ้นจากเดิมอีก 50 ซม.
นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 7/2567 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำ รวมถึงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ให้เฝ้าระวังระดับน้ำสูงขึ้น และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากกรมชลประทานคาดการณ์ว่าใน 1-7 วันข้างหน้า ในวันที่ 12 กันยายน 2567 จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ จ.นครสวรรค์ ประมาณ 1,500-1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขาจะมีประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณ 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นในอัตราระหว่าง 1,500-1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 20-50 เซนติเมตร
น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วม รพ.สต.วัดตะกู เร่งขนย้ายอุปกรณ์การแพทย์
ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำจากแม่น้ำน้อยล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมชั้นล่างของตัวอาคารโรงพยาบาล และบริเวณโดยรอบ ต้องขนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เอกสาร ข้าวของเครื่องใช้ไปไว้ชั้นบนของโรงพยาบาล และต้องเร่งก่อกำแพงสูงประมาณ 1.50 เมตร กั้นน้ำไม่ให้เข้าท่วมภายในอาคารชั้นล่าง ป้องกันการเสียหาย และต้องคอยวิดน้ำออก เจ้าหน้าที่เดินเข้า-ออกโรงพยาบาลต้องใช้สะพานแทน.-สำนักข่าวไทย