ศาล รธน.ไม่รับคำร้องฟัน กกต. ล้มล้างปกครองฯ

ศาลรัฐธรรมนูญ 27 ส.ค.-มติเอกฉันท์ศาล รธน. ไม่รับคำร้อง กกต. ล้มล้างปกครองฯ ออกประกาศคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามสมัคร สว. เปิดช่องฮั้ว หลักฐานไม่ชัด ห่างไกลเกินกว่าเหตุ

ที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีที่ นายพลภาขุน เศรษฐญาบดี ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การที่ กกต.และเลขาธิการ กกต. ทั้ง 8 คน ร่วมกันใช้อำนาจตามกฎหมายดำเนินการให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยออกประกาศ กกต. เรื่องการมีลักษณะอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะมีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในการแบ่งกลุ่มอาชีพต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความเชี่ยวขาญและประสบการณ์ในแต่ละกลุ่มอาชีพของตนเอง


การออกประกาศดังกล่าว มีลักษณะเป็นการเปิดช่องให้กลุ่มอาชีพเปราะบาง สามารถเข้าสู่กระบวนการเลือกได้เทียบเท่ากับผู้มีวิชาชีพ ความชำนาญชั้นสูง เป็นการเปิดโอกาสให้มีการสมยอมกัน เนื่องจากไม่มีกระบวนการคัดกรองกลุ่มอาชีพเปราะบาง ที่วางแผนรับจ้างมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัสมัครที่มีเพียงผู้สมัครยืนยันและมีพยานรับรองเท่านั้น ส่งผลให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

การกระทำของผู้ถูกร้องที่ไม่ใช้อำนาจระงับ ยับยั้ง แก้ไข เปลี่ยนแปลงเหตุอันมีสภาพร้ายแรงในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ที่เจตนาเปิดช่องให้มีการทุจริตปล่อยให้ผู้ไม่มีคุณสมบัติที่แท้จริงและกลุ่มอาชีพเปราะบางเข้าสู่กระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง


ทั้งนี้ ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ และยังห่างไกลเกินกว่าเหตุที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องกระทำการใดๆ อันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ถูกร้อง ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย 1.นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. 2.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ 3.นายปกรณ์ มหรรณพ 4.นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ 5.นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ 6.นายชาย นครชัย 7.นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ กรรมการ กกต. และ 8.นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต..-314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”