ทำเนียบ 27 ส.ค.-ครม. ตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย รักษาการนายกฯ นั่งประธาน ใช้งบฯ ดูแล ป้องกัน แก้ไข เยียวยาระยะเร่งด่วน เล็งบรรจุวาระแห่งชาติ แก้น้ำท่วมซ้ำซาก หลังมี ครม.ชุดใหม่
นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกประเด็นสถานการณ์น้ำเข้าหารือในที่ประชุม เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำซากและเรื้อรังมานาน ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การกักเก็บน้ำที่ไม่มีที่รองรับน้ำในพื้นที่ภาคเหนือที่จะสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ และไม่ให้ทำให้เกิดน้ำไหลหลาด ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นในทุกปีและจะต้องมีการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความลำบากในทุกปี โดยเฉพาะปีนี้มีมวลน้ำเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งที่ประชุมหารือว่า ฝนที่ตกแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะได้ตกเป็นจุดๆ เป็นผลสืบเนื่องจากสภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลกระทบโดยตรง ซึ่งเราต้องรับมือกับสถานการณ์ที่นับวันยิ่งทวีคูณ
นางสาวนัทรียา กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่า การแก้ปัญหาจะต้องแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าว่าระบายน้ำอย่างไรให้ไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ และเมื่อหลังน้ำลดจะเกิดการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้อย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือ การแก้ปัญหาในระยะยาว ที่จะต้องเป็นวาระแห่งชาติในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเมื่อมีคณะรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศแล้ว จะบรรจุเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อดำเนินการเพื่อรับมือสถานการณ์ได้ทันต่อไป
นางสาวนัทรียา กล่าวว่า ที่ประชุมคาดการณ์สถานการณ์ ว่าในพื้นที่บางส่วนได้คลี่คลายแล้ว แต่หลายพื้นที่ยังมีสถานการณ์น้ำยังหนักอยู่ เช่นที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งยอมรับว่าเป็นพื้นที่รองรับน้ำก่อนจะระบายออกยังแม่น้ำต่างๆ ซึ่งค่อนข้างที่จะหนัก และคันกั้นน้ำต่างๆ เมื่อเจอมวลน้ำมากๆ ก็ไม่สามารถรับน้ำได้และทำให้เกิดการพังทลายและคันน้ำที่กำลังสร้างอยู่ก็มีปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดิน ซึ่งนายภูมิธรรมได้ให้เร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
นางสาวนัทรียา กล่าวว่า การแก้ปัญหาในครั้งนี้จะต้องมีความเป็นเอกภาพ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย โดยจัดเป็นในรูปแบบของคณะกรรมการ แต่มีอำนาจหน้าที่และการใช้งบประมาณที่ชัดเจน โดยมี นายภูมิธรรม รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานและ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน
โดยคณะกรรมการจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ การบริหารจัดการน้ำ การระบายน้ำ การแจ้งเตือน ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ดูแล เพื่อให้ทุกคนทราบข่าว ว่าน้ำจะมาประมาณไหนเพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนก ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยืนยัน จะไม่เกิดน้ำท่วมเหมือนปี 2554
ส่วนการดูแลช่วยเหลือประชาชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเป็นหลักในการบูรณาการความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน
ขณะที่การใช้งบประมาณของศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย รักษาการนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้พิจารณาจากที่แต่ละฝ่ายเสนอมา โดยจะใช้จากงบกลางในการช่วยเหลือบรรเทา แต่ทั้งนี้จังหวัดที่ประกาศภัยพิบัติจะมีงบทดรองจ่าย ที่สามารถใช้ได้จำนวน 20 ล้านบาท หากไม่เพียงพอต้นสังกัด ก็จะของบกลาง ตามขั้นตอนต่อไป โดยยืนยันว่างบกลาง มีการเตรียมไว้อย่างเพียงพอและไม่ทับซ้อน กับงบประมาณที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นางสาวนัทรียา กล่าวว่า เมื่อมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้วการดำเนินการทุกอย่างก็จะรวดเร็วตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทันท่วงที
“หน้าที่มีทั้งการป้องกัน แก้ไข เยียวยา และฟื้นฟู ซึ่งต้องดูสถานการณ์ในรายจังหวัด เช่น จังหวัดน่านสถานการณ์น้ำท่วมผ่านไปแล้วจะเข้าสู่กระบวนการเยียวยาและฟื้นฟู ส่วนจังหวัดที่น้ำยังมาไม่ถึงจะป้องกันอย่างไร เช่น จังหวัดนครสวรรค์หรือต่ำกว่านั้นก็ต้องหามาตรการป้องกัน แก้ไขไม่ใช่ทำงานเชิงรับ” นางสาวนัทรียา กล่าว.-315.-สำนักข่าวไทย
