“วิโรจน์” เผยจ่อใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย ปมพลทหารถูกซ้อมดับ

รัฐสภา 22 ส.ค.-กมธ.ทหาร ถกปม พลทหารถูกซ้อมจนเสียชีวิต ด้าน “วิโรจน์” เผยกองทัพไม่มาแจง ถือเป็นการเย้ยและท้าทาย จ่อใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย เอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.การทหาร ได้พิจารณากรณีนายวรปรัชญ์ ทหารเกณฑ์ ที่ถูกลงโทษทางวินัยจนเสียชีวิต โดยเชิญกองทัพบก กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด แต่ทางกองทัพบกแจ้งเลื่อนการเข้าชี้แจง และจะมีหนังสือตอบมาในภายหลัง


ก่อนการประชุม นายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทาง กมธ.ได้เชิญผู้บังคับบัญชาค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี แต่ได้รับการปฏิเสธเข้ามาชี้แจง แต่ไม่ใช่เหตุที่เราต้องประวิงเวลาเพื่อเลื่อนประชุม เพราะข้อเท็จจริงจากกองทัพภาคที่1 ชี้แจงออกมาได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่กระทำความผิดซึ่งเป็นกำลังพลนายสิบและทหารกองประจำการ จำนวน 13 นาย ข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และดำเนินการทางวินัยต่อผู้บังคับบัญชาที่ขาดการกำกับดูแล จำนวน 3 นาย ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวดจนถึงผู้บังคับกองพัน แต่จากการดูผลชันสูตรพบว่าอวัยวะภายในบอบช้ำ กระดูกสันหลังหัก และยังมีกระดูกหักอีกหลายซี่ น่าจะเป็นการพยายามฆ่ามากกว่า

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทางกมธ.ได้ข้อความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการจัดทำโครงการพลทหารปลอดภัย ที่มีความตั้งใจเพื่อไม่ให้มีพลทหารเสียชีวิตในค่าย การกระทำการเช่นนี้ถือเป็นการเย้ย ท้าทาย ไม่กลัวเกรงกฎหมาย ซึ่งปล่อยไว้ไม่ได้ ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ต้องจริงจังกว่านี้ ในส่วนของกมธ.ได้ใช้กลไกของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ. อุ้มหาย โดยจะมีการชี้เบาะแสในกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ดังกล่าว หากพบว่าระดับผู้บังคับบัญชาไม่ได้ดำเนินการตามสมควร ต้องร่วมรับผิดด้วยกึ่งหนึ่ง และทหารที่ก่อเหตุต้องขึ้นศาลอาญาทุจริต ไม่ใช่ศาลทหาร จึงมีความยุติธรรมที่จะมอบให้กับผู้เสียหายอย่างมาก


“ผมคิดว่าควรยกเลิกความรุนแรงในค่ายทหารได้แล้ว ความมีวินัย ความเข้มแข็งของพลทหารไม่จำเป็นต้องแลกด้วยการซ้อมทรมาน ผมตั้งคำถามซี่โครงหัก ปอดฉีกขาด อวัยวะภายในหลายแห่งบอบช้ำ แบบนี้คือการธำรงวินัยหรือไม่ และที่สำคัญผู้เสียชีวิตสมัครมาเป็นทหาร ต้องตั้งคำถามว่าคุณทำกับคนที่อยากมาเป็นทหารได้ยังไง” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการไปถึงที่ค่ายทหารเลยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เขามีหน้าที่ต้องมา ผมไม่มีหน้าที่ต้องไป ถือเป็นการเย้ยและท้าทายกรรมาธิการการทหาร เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงใจเหมือนกัน ว่าไปตามกฏหมาย

ด้านทนายความของครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้ชี้แจงในที่ประชุมกรรมาธิการ ว่า ก่อนที่พลทหารวรปรัชญ์ จะเสียชีวิตมีการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 13 คนได้ ซึ่งเป็นนายทหารยศระดับนายสิบและครูฝึก ซึ่งมีครูฝึกหลบหนี และถูกจับกลุ่มในเวลาต่อมา และได้ถูกฝากขัง โดยพนักงานสอบสวน สภ.ชลบุรี ได้แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยพ่อ กับทนายความ ได้เดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ฐานความผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย เพราะถือว่า การกระทำของครูฝึก เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ทำให้บุคคลได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย


จากนั้น นายทหารระดับนายพัน ได้เชิญพ่อแม่ของพลทหารวรปรัชญ์ เข้ามาพูดคุยถึงเรื่องการรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายทหารคนดังกล่าวในฐานะผู้บังคับบัญชาค่าย ได้ดูแลครอบครัวของผู้เสียหายอย่างดี ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เช่น ค่าใช้จ่าย การประสานงานติดตามจับกุมผู้ต้องหา แต่ครอบครัวพลทหารวรปรัชญ์ ยืนยันว่ากองทัพบอกต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ เพราะเรื่องนี้เป็นการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชา โดยนายทหารคนดังกล่าว ขอร้องไม่ให้ญาติพลทหารวรปรัชญ์ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับกองทัพบก แต่ทนายความได้ยืนยันไปว่า เป็นสิทธิ์ของญาติที่จะฟ้องกองทัพได้ โดยมีการนัดหมายจะหารือกันอีกครั้งในวันที่ 3 กันยายนนี้

โดยนายวิโรจน์ ได้สอบถามครอบครัวว่าเพราะเหตุใดพลทหารคนดังกล่าวถึงถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ทนายความ ชี้แจง ว่าเป็นการธำรงวินัย ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในค่ายนวมินทร์ฯ หลายครั้ง โดยมีพลทหารอีกหลายคนเป็นพยาน

นางนิชนันท์ วังคะฮาต สมาชิกพรรคประชาชน ซึ่งเป็นผู้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ กล่าวว่า มีพลทหาร ในค่ายนวมินทร์ฯ ส่งข้อความมาแจ้งเบาะแส เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก สาเหตุที่พลทหารวรปรัชญ์ถูกทำร้ายร่างกาย หรือธำรงวินัย เนื่องจากเป็นคนมีบุคลิกเชื่องช้า ไม่รวดเร็ว จึงมักจะถูกธำรงวินัยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่สมเหตุสมผล อย่างเช่น มาช้า ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้ ก็มักจะถูกซ้อม ถูกเตะ ต่อย กระทืบ ถูกสั่งให้เข้าเวรยาม 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง ถูกบังคับให้กินปัสสาวะตัวเอง จนทนไม่ได้และป่วย และแม้ป่วยอยู่ก็ยังถูกธำรงวินัย จนร่างกายไม่ไหว ทั้งนี้พลทหารได้เคยแจ้งหัวหน้าหน่วยแล้วแต่ถูกเพิกเฉย จนทำให้ป่วยหนักและเสียชีวิตในที่สุด

นอกจากนี้ ทนายได้เปิดเผยว่า ทางผู้บัญชาการค่ายนวมินทร์ฯ ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมาในการดูแลเรื่องนี้ เพียงแต่ให้คำยืนยันกับญาติว่าจะดูแลพลทหารที่มาเป็นพยานให้ที่สุด เพื่อไม่ให้นายทหารที่ถูกดำเนินคดี เข้ามาข่มขู่หรือยุ่งเหยิงกับรูปคดีเด็ดขาด.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก