ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน mRNA ทำให้คนตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น จริงหรือ?

19 มิถุนายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหราชอาณาจักร เมื่อ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างถ่ายทอดสดรายการข่าวของสถานีข่าว BBC เมื่อวันที่ 13 มกราคมปี 2023 โดยอ้างว่า ควรระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA และควรสอบสวนความเหมาะสมของการใช้วัคซีน เพราะเชื่อว่าวัคซีนคือสาเหตุทำให้การเสียชีวิตส่วนเกินของชาวอังกฤษด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจสูงถึง 30,000 ราย จนคลิปการสัมภาษณ์ถูกแชร์ต่อทาง Twitter กว่า 33,000 ครั้ง พร้อมทำยอดวิวนับล้านครั้ง


บทสรุป :

  1. เป็นการอ้างข้อมูลจาก British Heart Foundation มานำเสนออย่างไม่ถูกต้อง
  2. ปัจจัยการเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเพราะการระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่วัคซีน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

อย่างไรก็ดี คำกล่าวอ้างของ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา เป็นการบิดเบือนข้อมูลการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจของชาวอังกฤษอันมีสาเหตุจากการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่สาเหตุจากวัคซีนโควิด-19 ตามที่กล่าวอ้าง


ผลสำรวจก่อนการผลิตวัคซีน

ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากผลสำรวจโดยมูลนิธิโรคหัวใจของอังกฤษ หรือ British Heart Foundation ที่ระบุว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ถึงสิงหาคมปี 2022 พบยอดการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease, IHD) ในประเทศอังกฤษถึง 30,000 ราย

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจถูกรวบรวมตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ซึ่งเริ่มขึ้นก่อนที่วัคซีนโควิด-19 จะผลิตออกมาใช้ ทำให้พบว่าจำนวนการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนการผลิตวัคซีนโควิด-19

นอกจากนี้ ยังพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 21,000 ราย ระบุสาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจว่ามาจากการติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย

ตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเพราะโควิด-19

ข้อมูลจาก British Heart Foundation ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีแรกของการแพร่ระบาด

ส่วนในปีถัดมา สาเหตุการเสียชีวิตส่วนเกินมาจากข้อจำกัดด้านสาธารณสุขที่ไม่ทั่วถึง ในช่วงที่โรงพยาบาลต้องรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก และการตรวจคัดกรองโรคหัวใจที่หยุดชะงักในช่วงล็อกดาวน์ ส่งผลให้ยอดการเสียชีวิตส่วนเกินจากโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

โฆษกของ British Heart Foundation ได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA คือสาเหตุการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ พร้อมย้ำว่าประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ เนื่องจากอาการข้างเคียงจากวัคซีน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบพบได้น้อยมาก

โฆษกของสถานีข่าว BBC ชี้แจงต่อ Reuters Fact Check ว่า ดร.อัสซีม มัลโฮตรา ได้รับเชิญมาออกรายการเพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้ยา Statins ยาลดไขมันในกระแสเลือดแก่ผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ส่วนความเห็นที่ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา พูดถึงวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เป็นสิ่งที่อยู่นอกสคริปต์ของรายการ

ศาสตราจารย์ ปีเตอร์ โอเพนชอว์ แพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจและนักภูมิคุ้มกันวิทยา ได้หักล้างความเห็นของ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา โดยย้ำว่า การเสียชีวิตส่วนเกินจากโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจที่สูงขึ้น มาจากการขาดแคลนด้านสาธารณสุข ทั้งจำนวนบุคลากรทางการแพทย์และจำนวนเตียงผู้ป่วยที่ไม่เพียงพอในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการระบาดของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในสมองเพิ่มขึ้น

ไวรัสโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ

นอกจากไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุให้ผู้คนป่วยเป็นโรคหัวใจมากขึ้นแล้ว การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเพิ่มความเสี่ยงการป่วยเป็นโรคหัวใจอย่างชัดเจน

เป็นจริงที่ว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เพิ่มความเสี่ยงการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบในกลุ่มผู้รับวัคซีนเพศชายที่มีอายุน้อย แม้อาการส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา

ข้อมูลจากสำนักงานกำกับดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งชาติสหราชอาณาจักร (MHRA) ระบุว่า จากการสำรวจจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2022 พบผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท Pfizer/BioNTech แล้วเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวน 851 ราย เกิดอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจำนวน 579 ราย

ส่วนผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท Moderna เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวน 251 ราย เกิดอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจำนวน 149 ราย

อย่างไรก็ดี ประโยชน์ของวัคซีนโควิด-19 ได้รับการยืนยันอย่างแพร่หลายว่า สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจประเมินได้ว่า หากปราศจากวัคซีน มีความเป็นไปได้สูงที่การเสียชีวิตส่วนเกินในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจจะสูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งชาติสหราชอาณาจักร (UKHSA) ประเมินเอาไว้ในช่วงเดือนกันยายนปี 2021 ว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 127,500 ครั้ง และป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 24,144,000 ครั้ง

งานวิจัยเมื่อปี 2022 ของศูนย์วิจัย UK Biobank ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Heart พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง มีความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 8.8 เท่า ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 2 จะมีความเสี่ยงเสียชีวิตถึง 14.6 เท่า โดยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตภายใน 100 วันหลังจากติดเชื้อ

สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS เมื่อปี 2022 ที่พบว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง จะมีโอกาสป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 5.8 เท่า รวมถึงการเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วเพิ่มขึ้น 6.4 เท่า ในช่วง 1 เดือนหลังการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งความเสี่ยงจะลดลงเหลือ 1.49 เท่าหลังติดเชื้อไปแล้ว 5-12 สัปดาห์

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.reuters.com/article/factcheck-vaccines-excessdeaths/fact-check-no-evidence-covid-19-mrna-vaccines-are-significant-contributing-factor-to-uks-30000-excess-cardiovascular-deaths-idUSL1N3490M3
https://fullfact.org/health/bbc-malhotra-vaccines-excess-deaths/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”