ตลท.คาดครึ่งหลังปี 67 ตลาดหุ้นไทยทิศทางดีขึ้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ 6 มิ.ย. – ตลท.เผย SET Index พ.ค.67 ลดลง 1.6% นักลงทุนรอความชัดเจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ตลาดทุน หลังปรับ ครม.เศรษฐกิจ คจับตาเฟดยังคงดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อลดช้ากว่าคาด เชื่อครึ่งหลังปีนี้หุ้นไทยดีขึ้น
 
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 SET Index ปิดที่ 1,345.66 จุด ปรับลดลง 1.6% จากเดือนก่อนหน้า และปรับลดลง 5.0% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า โดยผู้ลงทุนยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสนับสนุนตลาดทุนหลังมีการปรับคณะรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และ กลุ่มบริการ ในเดือนพฤษภาคม 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 มาอยู่ที่ 45,612 ล้านบาท แม้ว่าลดลง 17.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 16,566 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 25 เดือนพฤษภาคม 2567 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) และใน mai 1หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น (LTS) 


Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 14.4 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.2 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.1 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.5 เท่า ขณะที่ อัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ระดับ 3.48% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.18%
 
สำหรับภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนพฤษภาคม 2567 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 393,053 สัญญา ลดลง 14.5% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures และในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน429,791 สัญญา ลดลง 21.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures

หลังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1/2567 ขยายตัว 1.5% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 0.8% หลังได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อไทยปรับเพิ่มเป็นบวกเดือนแรกหลังหดตัวติดต่อกันหกเดือน และการกลับมาขยายตัวอย่างช้าๆ ของการส่งออก อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 โดยภาพรวมมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน  เช่น ธุรกิจโรงแรม การบิน พื้นที่เช่า ค้าปลีก และโทรคมนาคม นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนเกินครึ่งรายงานกำไรสุทธิสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ทำให้นักวิเคราะห์ปรับ Forward EPS ของ SET เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนหน้า ขณะที่ valuation ของหุ้นไทยหลาย sector ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต


ส่วนปัจจัยต่างประเทศ แนวโน้มการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงดอกเบี้ยสูงไปอีกระยะ (Higher for Longer) หลังจาก IMF ประเมินสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทะเลแดง ทำให้สายการเดินเรือใหญ่ปรับเส้นทางขนส่งซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าระวางเรือ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดจะยังทรงตัวในระดับสูงกระทบอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงช้ากว่าคาด แม้ว่าตลาดแรงงานส่งสัญญาณชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังคงอ่อนแอ รัฐบาลจีนประกาศมาตรการรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นตลาดหุ้นทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนและฮ่องกงเริ่มฟื้นตัว

นายภากร ปีตะธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีทิศทางดีขึ้น จากเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ การท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซัน และคาดว่าในช่วงปลายปี 2567 มีโอกาสที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market หรือ EM)

ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่มีหลายประเด็นในขณะนี้ มองว่าที่ผ่านมา เราเจอสถานการณ์การเมืองมาโดยตลอด รวมไปถึงกรณีความเห็นต่างของนโยบายอัตราดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลและ ธปท. มองว่าเป็นปัจจัย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 2.5% อยู่ในระดับที่ต่ำอยู่แล้ว ทั้งนี้ สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติ ให้ความสำคัญคือ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจ และความสามารถทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเห็น sentiment ต่างชาติกลับมาลงทุนในไทยมากขึ้น ภาพรวมเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไม่ได้ไหลออกไปมากอย่างที่คาดการณ์


สำหรับการโรดโชว์ที่ฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีกองทุนรายใหญ่เข้าร่วมงาน 3,000 กองทุน อาทิ กองทุน Balrog กองทุน JPMorgan ซึ่งทีมรัฐบาลและตลาดทุนได้นำเสนอให้กองทุนต่างชาติทราบถึงจุดขายของประเทศไทย ในการเข้าถึงตลาดทุนอย่างเท่าเทียม การดูแลราคาไม่ให้มีความเคลื่อนไหวมากเกินไป และมาตรการยกระดับกำกับดูแลไม่ให้เกิดการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม เช่น Naked Short Selling ซึ่งเป็นมาตรการจำกัดเฉพาะไม่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติ โดยเป็นสิ่งที่กองทุนต่างชาติเห็นด้วย

ส่วนความคืบหน้าในการเลือกผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างสรรหาและคัดเลือก คาดว่าจะทราบผลได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ .-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่