กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – ประธานบอร์ด ตลท. แนะต่อยอดท่องเที่ยว-นักลงทุนต่างชาติ ทางออกเศรษฐกิจไทยที่กำลังผันผวน ด้านบล.หยวนต้า ประเมินดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกช่วยหนุนเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้นไทย ปัจจัยในประเทศ การเมืองมีเสถียรภาพ-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยดันจีดีพีปีหน้าโต 3.2%
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน สัมมนา “YUANTA THAILAND’S INVESTMENT INSIGHTS 2025” ภายใต้หัวข้อ “SPOTTING K-SHAPED RECOVERY” เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีชื่อเสียง และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ประเทศเวียดนาม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนสถาบันได้รับข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริษัท ตลอดจนสามารถพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ด้านการเงินการลงทุน รวมถึงฉายภาพทิศทางเศรษฐกิจไทย ยุทธศาสตร์การลงทุน ตลอดจนวิเคราะห์ตลาดของไทยและเวียดนาม
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่าประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายที่หลากหลาย แต่ยังคงเติบโตได้จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจากภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างชาติ ทางออกของเศรษฐกิจไทยในโลกที่ผันผวนนี้ จึงอยู่ที่การต่อยอดจุดแข็งดังกล่าวด้วยการยกระดับคุณภาพตลาดอย่างรอบด้าน ผ่านการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาด การเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน และการมุ่งเน้นด้านความยั่งยืน
นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำการลงทุน Thailand Key Highlights ว่าปัจจัยบวกต่อ SET Index ในปี 2568 ได้แก่ Valuation ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ขณะที่เสถียรภาพทางการเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณรัฐบาล คาดจะช่วยผลักดัน GDP โต 3.2% จาก 2.8% ในปีนี้ อีกทั้ง FDI มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยีและนิคมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาความเสี่ยงจากนโยบาย America First ของทรัมป์ที่อาจชะลอการลดดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็ง รวมถึงความตึงเครียดทางการค้า (Trade War) ด้านกลยุทธ์การลงทุนในปี 2568 เราแนะนำ 1) กลุ่ม Yield Play (Finance, Utilities) 2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War (Industrial Estate: AMATA, WHA, ICT, Utilities) และ 3) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ
Mr.Matthew Smith Vietnam Head of Research มองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวจาก 1) โครงสร้างประชากรวัยทำงานที่ยังเติบโตจนถึงปี 2035 2) การขยายตัวของชนชั้นกลางที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3) การเติบโตของตัวเลข FDI จากการฐานการผลิตเข้ามาในประเทศ สำหรับปี 2025 เศรษฐกิจยังคงเติบโตจากการอัปเกรดดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI) เข้าสู่ตลาด FTSE และการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน 2H25 เราคาดเป้าดัชนี VNI ปี 2025 จะอยู่ที่ 1539 จุด เพิ่มขึ้น 24% YoY อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ เช่น อัตราดอกเบี้ย, ความขัดแย้งทางการเมือง, และความล่าช้าในการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ กลยุทธ์การลงทุน โดยแนะนำกลุ่ม 1) Finance (VCB, ACB, HDB) 2) Utilities (MWG, PNJ) 3) Technology (FPT)
สำหรับการจัดสัมมนาครั้งนี้ มีผู้บริหารระดับสูงจาก 33 บริษัท ตอบรับเข้าร่วมงาน ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของมูลค่าตลาดในประเทศ ที่มีความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และการดำเนินงานที่ยั่งยืนโดยคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล ESG อย่างแท้จริง และยังมีผู้บริหารของบริษัทชั้นนำในประเทศเวียดนามจำนวน 5 บริษัท ที่มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจเวียดนามและเจาะลึกโอกาสการลงทุนในตลาดเวียดนาม ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนเป็นอย่างมาก.-516-สำนักข่าวไทย