ไทยประเดิมขายข้าวไปอินโดนีเซีย ล็อตแรก 55,000 ตัน 

นนทบุรี 25 เม.ย.-รัฐบาลพร้อมส่งมอบข้าวให้รัฐบาลอินโดนีเซียล็อตแรก 55,000 ตัน เริ่มเดือน เม.ย.67 นี้เป็นต้นไป สั่งกรมการค้าต่างประเทศลุยเดินหน้าเจรจาขายข้าวต่อเนื่อง มุ่งยกระดับราคาข้าวไทยทั้งระบบ


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายามของภาครัฐและเอกชนไทยที่จะขายข้าวเพื่อให้มีตลาดมารองรับและช่วยยกระดับราคาข้าวเปลือกให้แก่เกษตรกรไทยในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก แม้ว่าบางช่วงเวลาข้าวไทยอาจแข่งขันได้ยากเนื่องจากราคาสูง แต่เพราะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ตลอดจนการสนับสนุนข้อมูลจากสมาคมโรงสีข้าวไทย จนในที่สุด รัฐบาลไทยและรัฐบาลอินโดนีเซียก็สามารถตกลงซื้อขายข้าวล็อตแรก ปริมาณ 55,000 ตัน โดยจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนเมษายน 2567เป็นต้นไปการซื้อขายข้าวครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์อันดี และสานต่อความร่วมมือทางการค้าข้าวอันยาวนานระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมสั่งลุยเดินหน้าเจรจาขายข้าวไทยต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวไทยแล้ว ยังส่งผลดีต่อราคาข้าวไทยทั้งระบบอีกด้วย

ทั้งนี้ การเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้สำเร็จนั้นนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการจัดหาข้าวส่งมอบต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนประกอบกับรัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาในการพิจารณานำเข้าข้าวเป็นหลัก ดังนั้น ช่วงที่ราคาข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้นก็จะแข่งขันในตลาดได้ยากขึ้น แต่ตนเชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยได้ร่วมด้วยช่วยกันและทำงานกันอย่างใกล้ชิด โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ “ช่วยกันขายข้าวไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ เกษตรกร และอุตสาหกรรมข้าวไทย”


นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศเดินหน้าเจรจาซื้อขายข้าวกับอินโดนีเซีย ตามที่นายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) และประธานาธิบดีอินโดนีเซีย (นายโจโก วิโดโด) ได้หารือกันไว้ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงติดตามสถานการณ์ตลาดและราคาข้าวโลกอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวไทยในทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อขายข้าวแบบ G to G ซึ่งเป็นการค้าข้าวเสริมจากการขายข้าวของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น P to G หรือ P to P ตามนโยบาย “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ” กับประเทศคู่ค้าต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวไทย และตอกย้ำจุดยืนไทยในฐานะหนึ่งในผู้นำการส่งออกข้าวคุณภาพดี และเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารของโลกต่อไป

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะบุกตลาดเดิมและตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดข้าวพรีเมียม (สหรัฐฯ เซเนกัล จีน ฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย) ข้าวขาว (ฟิลิปปินส์ อิรัก ญี่ปุ่น มาเลเซีย) ข้าวนึ่ง (แอฟริกาใต้ เบนิน ไนจีเรีย บังกลาเทศ) และข้าวเพื่อสุขภาพ (สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย สิงคโปร์) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของข้าวไทย และผลักดันให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสมาคมโรงสีข้าวไทยที่ร่วมมือกันสนับสนุนข้อมูลด้านการผลิต การบริโภค การส่งออก และราคาข้าว ให้กระทรวงพาณิชย์ใช้ประกอบการพิจารณาขายข้าวที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนนอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2567เป็นต้นมา ภาคเอกชนไทยยังชนะการประมูลสำหรับการนำเข้าข้าวขาว 5% ของอินโดนีเซียกว่า 4 แสนตันอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ข้าวขาวไทยยังเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศนอกเหนือจากข้าวหอมมะลิไทย และมีแนวโน้มที่จะมีคำสั่งซื้อข้าวชนิดดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลสถิติกรมศุลกากรและตามใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศในปี 2567 (มกราคม – 22 เมษายน) ไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 3.06 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า70,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกปริมาณ 2.48 ล้านตัน มูลค่า45,975 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.39 และ 53.82 ตามลำดับ โดยตลาดที่ไทยส่งออกข้าวไปเป็นอันดับหนึ่ง คืออินโดนีเซีย(680,099 ตัน) รองลงมา ได้แก่ อิรัก (353,100 ตัน) แอฟริกาใต้ (216,050 ตัน) เซเนกัล (120,140 ตัน) และฟิลิปปินส์ (116,925 ตัน) หากสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยยังมีทิศทางที่ดีเช่นนี้ โดยราคาข้าวไทยยังคงปรับตัวอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เช่นในปัจจุบัน รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยเพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคและการซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งปีจะทะลุเกินเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน อย่างแน่นอน.-514-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง