เปิด กห.เคลียร์ปม MOU44 “ภูมิธรรม” ย้ำชัดเกาะกูดเป็นของไทย

กลาโหม 13 พ.ย. – กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ยกคณะพบ “ภูมิธรรม” หารือด้านความมั่นคง ข้องใจปม MOU 44 ขณะที่ “ภูมิธรรม” ย้ำว่า MOU 44 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเขตแดนเกาะกูด เพราะเป็นของไทยอยู่แล้ว แต่เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนของไทยและกัมพูชา โดยสันติวิธี ชี้ไม่อยากให้กังวลเรื่องนี้จนเกินความจำเป็น


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุหลังคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เข้าหารือประเด็นความมั่นคงว่า กรรมาธิการฯ สอบถามในประเด็น MOU 44 และได้ชี้แจงไปว่า เรื่อง MOU 44 ไม่ได้มีประเด็นเกี่ยวข้องกับพื้นที่เกาะกูด ที่เป็นของไทยอยู่แล้ว และตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ยืนยันชัดเจนว่า เกาะกูดเป็นของไทย แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผลประโยชน์ของชาติในพื้นที่ไหล่ทวีปทับซ้อนกัน โดย MOU 44 บอกชัดเจนว่า เรื่องเขตแดนและเรื่องผลประโยชน์เป็นสองเรื่องที่ต้องคุยร่วมกัน โดยประชาชน 2 ประเทศต้องเห็นพ้อง และต้องนำเรื่องเข้าสภาของทั้งสองฝ่าย พร้อมอิงกฎหมายทางทะเล ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ กระบวนการทั้งหมดนี้ยังไม่เกิดขึ้น

พร้อมย้ำว่า หลักการของ MOU 44 คือวิธีจัดการเกี่ยวกับเขตแดนที่มีความซับซ้อนกันอย่างสันติวิธีที่สุด ซึ่งในหลายประเทศก็มีปัญหาเรื่องการอ้างสิทธิทับซ้อนกัน และจากการลงพื้นที่เกาะกูด ได้กำชับกับกำลังพลของกองทัพเรือว่า ให้ดูแลอธิปไตยตามบทบาทหน้าที่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และไม่อยากให้ทุกฝ่ายกังวลใจเรื่องนี้จนเกินความจำเป็น เพราะจะเกิดผลเสียต่อประเทศได้


ส่วนประเด็นที่ได้ชี้แจงและแลกเปลี่ยนความเห็นกับทางกรรมาธิการนั้น ได้ยืนยันว่า กองทัพมีการเตรียมความพร้อมรับมือภัยคุกคามใหม่ๆ ทั้งภัยธรรมชาติ และโรคอุบัติใหม่ โดยจะใช้บทบาทของกองทัพเข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนภัยจากมนุษย์ก็มีการดูแลชายแดนอย่างเข้มข้น

พร้อมย้ำถึงเรื่องการดูแลสวัสดิการกำลังพลในทุกระดับชั้น รวมถึงทหารผ่านศึก และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตทหารเกณฑ์ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบสมัครใจ เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ แม้ว่าขณะนี้อาจจะยังมีความพร้อมที่ไม่สมบูรณ์ ต้องจัดซื้อจากต่างประเทศ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ทั้งนี้ ได้ย้ำว่าจะทำให้กระทรวงกลาโหมทันสมัยเท่าทันการเปลี่ยนแปลง ทำหน้าที่ปกป้องสถาบันหลักของชาติ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างเต็มที่.-313-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา จ่อแจ้งข้อหา “นุ-แซน” เพิ่มเติม และเชื่อว่ามีบุคคลอื่นที่ต้องถูกดำเนินคดีอีก ส่วน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยังไม่ประสานเข้าพบหลังออกหมายเรียก

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน ยิงสู้ จนท.

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน จ.นครพนม หลังหนีข้ามมา จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่ไม่สำเร็จ คนร้ายยิงต่อสู้

ขู่ยื่นเอาผิด รมว.ดีอี ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ปชช.

รัฐสภา 3 ธ.ค. – กมธ.ไอซีที สว. ขู่ ยื่น ม.157 เอาผิด รมว.ดีอี ฉุนเกียร์ว่าง ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ประชาชน – ปล่อย “หมอบุญ” หนีลอยนวล จี้รัฐยกปราบหลอกลวงออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม คนที่หก วุฒิสภา แถลงผลการประชุมกมธ. เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งตรวจสอบกรณีการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงอาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรณีของนพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่พบกรณีฉ้อโกงและฟอกเงิน เป็นมูลค่าสูงกว่า 7,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในคดีดังกล่าวถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ห้วยขวาง แล้วปี 2566 แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งนพ.บุญเดินทางออกไปนอกประเทศและไม่มีการอายัดทรัพย์ ทั้งนี้ในการหลอกหลวงผ่านโฆษณาชวนเชื่อนั้น ทำผ่านโบรกเกอร์ที่หลอกลงทุน ทั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นนักลงทุนที่เคยลงทุนที่คุ้นเคยกับเครือโรงพยาบาลธนบุรี “จากการชี้แจงกรณี นพ.บุญของหน่วยงานที่ชี้แจง พบเป็นการโยนกลองกันไปมา ไม่มีหน่วยงานใดที่รับผิดชอบจริงจัง […]

ข่าวแนะนำ

บุญทรงรายงานตัว

“บุญทรง” รายงานตัวครั้งแรกหลังได้พักโทษ

“บุญทรง” รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติครั้งแรก หลังได้รับการพักโทษจากคดีทุจริตจำนำข้าว ด้านลูกชายเผยพ่อตั้งใจบวชหลังพ้นโทษ

ชุมนุมเกาหลีใต้

นายกฯ ขอคนไทยในเกาหลีใต้ เลี่ยงพื้นที่ชุมนุม

“นายกฯ แพทองธาร” ขอคนไทยในเกาหลีใต้ ระมัดระวังหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม ติดตามข่าวสถานทูตใกล้ชิด หวังสถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว

อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากจีนสู่ไทย

“ชูศักดิ์” นำคณะผู้แทนไทยเดินทางไปยังวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในไทยเป็นการชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง ระหว่าง 5 ธ.ค. 67 – 14 ก.พ. 68