เยียวยาผู้ประสบสาธารณภัย 8 กรณี กว่า 3 ล้านบาท

ทำเนียบ 19 เม.ย. – “สมศักดิ์” เผยกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย เคาะเงินช่วยเหลือเยียวยา 8 กรณี เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้มีโอกาสเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้พิจารณาเรื่องสำคัญ คือ การพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน 8 กรณี วงเงินกว่า 3,181,269 บาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบเหตุ ประกอบด้วย 1.อนุมัติเงินเพิ่มเติม กรณีถังดับเพลิงระเบิดโรงเรียนราชวินิตมัธยม ให้แก่ผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม 1 ราย จำนวน 15,000 บาท 2.จังหวัดสุโขทัย จังหวัดปราจีนบุรี ขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยจากเหตุฟ้าผ่า ให้แก่ผู้เสียชีวิต 2 ราย จำนวน 210,000 บาท 3.จังหวัดสระบุรี ขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ จากเหตุวาตภัย เพื่อซ่อมบ้านเรือน 1 หลัง จำนวน 15,700 บาท 4.จังหวัดเพชรบูรณ์ ขอรับความช่วยเหลือค่าวัสดุในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย จากเหตุอัคคีภัย จำนวน 10 ราย เป็นเงินกว่า 1,705,569 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า 5.จังหวัดจันทบุรี ขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ จากเหตุอัคคีภัย กรณีเสียชีวิต 1 ราย จำนวน 80,000 บาท 6.จังหวัดยโสธร จันทบุรี ขอนแก่น และปัตตานี ขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กรณีเสียชีวิต จำนวน 6 ราย เป็นเงิน 580,000 บาท 7.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตุวาตภัย ให้แก่ผู้เสียชีวิต 1 ราย จำนวน 80,000 บาท และ 8.จังหวัดนราธิวาส ขอรับความช่วยเหลือกรณีบาดเจ็บเพิ่มเติม จากเหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด และเกิดอัคคีภัย ในตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก ให้แก่ผู้บาดเจ็บทุพพลภาพ สูญเสียตาซ้ายข้างเดียว 1 ราย เป็นเงิน 495,000 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ได้เห็นชอบอนุมัติทั้ง 8 กรณี พร้อมเร่งเดินหน้ามอบเงินเยียวยาตามขั้นตอนต่อไป


“ที่ประชุมยังได้มีการพิจาณาตามที่จังหวัดนราธิวาส ขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จากเหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด ในตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก ตามที่คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือฯ ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ เป็นค่าวัสดุในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย จำนวน 649 หลัง จำนวนเงิน 107 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 แต่ทางจังหวัดนราธิวาส ได้มีหนังสือขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์ เพราะตามระเบียบ เงินกองทุนจะนำไปใช้ได้แต่เฉพาะค่าซ่อมสร้างที่อยู่อาศัยทั้งหมด แต่ในจำนวน 649 หลัง มีทั้งบ้านตนเอง 493 หลัง บ้านเช่า 147 หลัง สถานที่ละหมาด 2 หลัง สถานศึกษาปอเนาะ 3 หลัง มัสยิด 1 หลัง โรงงาน 1 หลัง และโกดัง 2 หลัง ซึ่งที่ประชุมจึงได้เห็นชอบอนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินทั้งหมดได้ตามที่ขอรับการช่วยเหลือ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง