นายกฯ มั่นใจยางพาราไปยุโรปปีนี้โตแน่

ทำเนียบรัฐบาล  22 มี.ค.-โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ ดันส่งยางพาราตามมาตรฐานออกตลากโลก เชื่อมั่น สถานการณ์ส่งไปสหภาพยุโรปปีนี้จะเติบโตขึ้น ตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์  


นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ความสำคัญผลักดันยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางของไทยส่งออกได้ตามมาตรฐาน ตามกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EU Deforestation-free Products Regulation: EUDR) อย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ส่งออกยางพาราไปสหภาพยุโรป ปี 2024 จะเติบโตขึ้นตามที่นักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ยางพาราไทยมีโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรป จากความพร้อมของไทยที่มีมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในการปฏิบัติตามกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) ซึ่งจะบังคับใช้เต็มรูปแบบในปลายปี 2024 โดยไทยมีการส่งออกยางพาราไปยังสหภาพยุโรปที่มีความเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อมในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 12 ของข้อมูลค่าส่งออกยางพาราทั้งหมดของไทย เชื่อมั่นว่าไทยสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย EUDR ได้ โดยเฉพาะตัวชี้วัดพื้นที่บุกรุกทำลายป่าที่ไทยมีจำนวนเพียง 0.4 ล้านไร่ ซึ่งน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ


นายชัย กล่าวว่า ขณะที่สหภาพยุโรปต่างมีความต้องการยางพาราจากไทยเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปผลิตเป็นยางรถยนต์ ซึ่งคาดว่าในปี 2024 ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหภาพยุโรปจะทยอยฟื้นตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากปีก่อน (ข้อมูลอ้างอิงจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เดือนกุมภาพันธ์ 2567) นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์เกี่ยวกับการส่งออกยางพาราไทยไปยังสหภาพยุโรปในปี 2024 ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีก่อน จาก 419 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 448 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นการเติบโตทั้งด้านปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และราคาส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน

“นายกรัฐมนตรีสั่งการและกำชับทุกหน่วยงานต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ทำให้ยางพาราไทยมีโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ สะท้อนความพร้อมของไทยที่มีมากกว่าประเทศอื่น นายกรัฐมนตรีมีวิสัยทัศน์ และเป็นนักปฏิบัติ มองเห็นทุกโอกาสทางธุรกิจและนำมาผลักดันให้เป็นผลสำเร็จ โดยนายกฯ เชื่อมั่นเสมอว่ายางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ จะช่วยสร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทางการค้า ยกระดับวิถีชีวิตชาวสวนยางไทย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย       


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”