กรุงเทพฯ 5 ม.ค.- กรมควบคุมมลพิษส่งทีมลงตรวจสอบเหตุรถสารเคมีรั่วไหลสมุทรปราการ เตือนประชาชนงดกิจกรรมกลางแจ้ง 24 ชม.
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเปิดเผยถึงเหตุการณ์รถกระบะบรรทุกถัง 200 ลิตร สำหรับทำสารเคมีกำจัดศัตรูพืชรั่วไหล ในพื้นที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และเกิดควันจากสารเคมีฟุ้งกระจายว่า การที่เจ้าหน้าที่นำทรายดับกลุ่มควันถือเป็นวิธีการที่ถูกต้อง จากนี้ต้องนำทรายที่ปนเปื้อนสารเคมีไปกำจัดอย่างถูกวิธี โดยวันนี้ควบคุมมลพิษได้ส่งทีมเข้าตรวจสอบ และวัดค่ามลพิษ เนื่องจากอะลูมิเนียมฟอสไฟด์ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ฟอสฟิน เป็นสารใช้ในการกำจัดแมลง ซึ่งถือว่ามีความเป็นพิษ โดยต้องตรวจดูว่าสารที่ระเบิดมีความรุนแรงแค่ไหน และกระจายไปไกลเพียงใด โดยปกติสารนี้มีรัศมีการดระจายได้ 5-20 เมตร ซึ่งก่อนหน้านี้จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า สารเคมีเกิดการระเหิดหมดแล้ว
นอกจากนี้ จะมีการประสานกับกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นผู้อนุญาตในการใช้สารเคมี เพื่อตรวจสอบว่าการขนส่งถูกต้องตามใบอนุญาตที่ได้รับหรือไม่ รวมทั้งหมดการจัดเก็บวัตถุในภาชนะ ถูกต้องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ขอแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากไม่มีความจำเป็น ขอให้งดเอาไว้ก่อน เนื่องจากครึ่งชีวิตของสารเคมีดังกล่าวอยู่ในช่วง 5-24 ชั่วโมง เร็ว ขณะนี้จึงยังมีความเสี่ยงที่จะแพร่กระจายอยู่ โดยหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว สารเคมีจะเหลือแค่ครึ่งเดียว ถือว่าเป็นปริมาณน้อยมาก หากเทียบดับสารเคมีอื่นๆ ถือว่า สลายตัวได้ยิ่งหากอากาศระบายได้ดี สารเคมีก็จะหมดไปได้เร็ว
สำหรับ อะลูมิเนียมฟอสไฟด์ ลักษณะเป็นผลึกสีเหลือง หรือสีเทา จะให้สารติดไฟเมื่อสัมผัสความชื้นในอากาศ หรือหยดน้ำ เป็นสารพิษ อันตรายเฉียบพลัน ไม่ตกค้างมีฤทธิ์กัดกร่อน หากสูดดมเข้าไปจะมีการแสบจมูก แสบคอ หากความเข้มข้นสูงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ามีปริมาณน้อย.-516 -สำนักข่าวไทย