กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – ปคม. ร่วมกับ “ปวีณา” จับโค้ชและผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ลวงเด็กชาย 10 ขวบ กระทำอนาจารถ่ายคลิป
พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. รวมกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แถลงจับกุมโค้ชฟุตบอล อายุ 43 ปี พร้อมกับผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นอดีตทหารยศพันตรี
นางปวีณา ระบุว่า กรณีนี้สืบเนื่องจากแม่เด็กชายวัย 10 ขวบ ร้องขอความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กตรี เพื่อให้ช่วยเหลือลูกชายวัย 10 ขวบ และเพื่อนวัยเดียวกัน ถูกโค้ชและผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล รวม 2 คน ร่วมกันข่มขืน พาตระเวนไปตามโรงแรมต่างๆ เพื่อถ่ายคลิปข่มขู่เป็นเวลานานนับปี
จากข้อมูลของแม่เด็กชาย 10 ขวบ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีโค้ชสอนฟุตบอลชายและผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ยศพันตรี วัย 64 ปี จัดตั้งทีมฟุตบอลเยาวชนชาย ได้มาขอใช้สนามฟุตบอลโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกซ้อม ซึ่งจะมีเด็กนักเรียนชายในโรงเรียน อายุ 9-13 ปี สนใจกีฬาฟุตบอลเข้าร่วมสมัคร
ก่อนที่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 เอาเสื้อฟุตบอลไปคืนครู บอกว่าจะไม่เล่นฟุตบอลอีกแล้ว ครูจึงแปลกใจ เพราะเด็กรักในการเตะฟุตบอลมาก จึงสอบถามจน ด.ช.เอ (นามสมมติ) เล่าให้ฟังว่าถูกนายหนึ่ง (นามสมมติ) โค้ชฟุตบอล ซึ่งมีอาชีพหลักเป็นข้าราชการ อายุ 43 ปี และนายสอง (นามสมมติ) อดีตทหารยศพันตรี ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล อายุ 64 ปี ข่มขืนกระทำชำเราทางทวารหนัก และถ่ายคลิปหลายครั้ง ที่บ้านพักและโรงแรม ระหว่างเก็บตัวฝึกซ้อม หรือเดินทางไปแข่งขันตามจังหวัดต่างๆ ก็จะถูกข่มขืน
นอกจากนี้แม่ ด.ช.เอ (นามสมมติ) ยังเล่าอีกว่า เด็กๆ ที่อยู่ในทีมส่วนใหญ่จะอยู่แบบไปกลับ เมื่อฝึกซ้อมเสร็จก็กลับบ้าน แต่จะมีเด็ก 4-5 คน ที่โค้ชและผู้สนับสนุนจะคุยกับผู้ปกครองขออุปถัมป์และให้กินนอนที่บ้านโค้ช
ก่อนที่ช่วงวันที่ 30 กรกฎาคมถึงช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โค้ชกับผู้สนันสนุนพาเด็กๆ ไปแข่งขันที่ จ.บึงกาฬ โดยเปิดห้องพักที่รีสอร์ต หลังแข่งเสร็จโค้ชกับพันตรีผู้สนันสนุนจะเรียกเด็กไปกระทำชำเราที่ห้องพัก ห้องละ 2-3 คน โดยผลัดเปลี่ยนกันกระทำและถ่ายคลิป ในจำนวนนั้นมี ด.ช.เอ และ ด.ช.บี ถูกกระทำด้วย
ก่อนหน้านี้มีเด็กๆ ถูกกระทำระหว่างไปแข่งขันที่ จ.บึงกาฬ เช่นกัน และเด็กอีก 3 คน ที่อยู่บ้านโค้ชจะถูกผลัดเปลี่ยนกันมาให้โค้ชและผู้สนับสนุนกระทำ บางครั้งเด็ก 4-5 คน ถูกสั่งให้มาร่วมวงพร้อมกัน และผลัดกันกระทำทางเพศพร้อมถ่ายคลิปเก็บไว้
ตลอดเวลาเด็กๆ ทุกคนไม่กล้าขัดขืน เพราะโค้ชและผู้สนันสนุนเคยข่มขู่ไว้ว่าจะไล่ออกจากทีมและไม่ให้เล่นฟุตบอลอีก เด็กทุกคนจึงต้องยอมทน เพราะอยากเล่นฟุตบอลและอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอล หากใครกลับบ้านหรือหายไปไม่มาฝึกซ้อม โค้ชกับผู้สนันสนุนจะไปตามถึงบ้านและรับตัวกลับมากระทำอีก
หลังกลับจาก จ.บึงกาฬ ด.ช.เอ ไม่ไปฝึกซ้อมและพยายามตีตัวออกห่าง กระทั่งวันที่ 25 สิงหาคม โค้ชกับพันตรีผู้สนับสนุนมาตาม ด.ช.เอ ที่บ้าน ยายซึ่งไม่รู้เรื่องยอมให้หลานไปอยู่บ้านโค้ชอีก และ ด.ช.เอ ถูกกระทำเรื่อยมา จนวันที่ 6 พฤศจิกายน ด.ช.เอ ทนไม่ไหวจึงขอลาออกจากทีมและเอาเสื้อมาคืน
ขณะที่ ด.ช.บี ซึ่งถูกโค้ชและผู้สนับสนุนกระทำชำเราด้วย เมื่อรู้ว่า ด.ช.เอ ไม่ยอมทนแล้วจึงได้ออกจากทีมด้วย เมื่อแม่และยายของเด็กชายทั้งสองรู้เรื่องก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะทั้งโค้ชและผู้สนับสนุนเป็นคนกว้างขวางและรู้จักคนที่มีตำแน่งใหญ่โต จึงร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเอาผิดโค้ชกับผู้สนับสนุน 2 คนนี้ให้ถึงที่สุด
นางปวีณา ยังระบุอีกว่า หลังได้รับเรื่องได้ดำเนินการนำตัวเด็กไปตรวจสอบ และพบร่องรอยการถูกกระทำการทางเพศจริง จึงมีการประสานมาที่ทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์จนนำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้
ด้าน พล.ต.ต.ศารุติ ระบุว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา 6 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี, ร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร, ร่วมกันพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ, ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร และร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจให้เด็กกระทำอันมีลักษณะลามกอนาจาร กับผู้ต้องหาทั้ง 2 ซึ่งทั้งสองให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
นอกจากนี้ขณะเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบคลิปอนาจารที่ทั้งสองถ่ายไว้ โดยเจ้าหน้าที่จะขยายผลไปตรวจสอบว่ามีการนำคลิปไปใช้เพื่อการค้าหรือเปิดกลุ่มลับและส่งคลิปไปหรือไม่ เพราะหากมีการกระทำดังกล่าวจริงจะต้องดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์เพิ่มเติมด้วย หากตรวจพบว่ามีการเปิดกลุ่มลับจริง ผู้ที่อยู่ภายในกลุ่มจะต้องถูกดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการทางคดีด้วยเช่นกัน.-413-สำนักข่าวไทย