กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – สาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่หลอกให้ถ่ายคลิปมัดมือ มัดเท้า ปิดตา เรียกค่าไถ่จากพ่อแม่ที่อยู่ที่จีน 15 ล้านบาท แต่พ่อเหยื่อไหวตัวทัน ไม่ได้รีบโอนเงิน ก่อนประสานเพื่อนในไทยให้แจ้งตำรวจตามตัวจนเจอที่คอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท
คลิปสาวจีนอายุ 21 ปี ที่เดินทางมาไทย แต่ในคลิปจะเห็นว่าเธอมีสก็อตเทปพันปิดตา มีมัดมือ มัดเท้า ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่งวีแชตไปให้พ่อแม่ของสาวจีนดู พร้อมเรียกเงินค่าไถ่ 3 ล้านหยวน หรือ 15 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัว เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วง 7 โมงเช้า วันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เนื่องจากเป็นการเรียกค่าไถ่ข้ามประเทศ พ่อของเหยื่อที่แม้จะตกใจหลังได้เห็นคลิปและคุยวีแชตกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่พ่อยังมีสติ ไม่ได้รีบโอนเงินให้ในทันที รวมถึงยืนยันจะไปแจ้งความ แต่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขู่ว่าหากแจ้งตำรวจจะไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวอีก ทำให้พ่อของเหยื่อเออออไปกับคนร้าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่ได้ติดต่อกันแล้ว พ่อของเหยื่อได้โทรไปที่ญี่ปุ่น เพื่อตามหาลูกสาว และแจ้งความคนหาย เนื่องจากยังสงสัยว่าลูกสาวไปเรียนอยู่ญี่ปุ่น แต่ทำไมถึงถูกเรียกค่าไถ่ที่ไทย สุดท้ายจึงทราบว่าลูกสาวเดินทางออกจากญี่ปุ่นมาไทย
เมื่อได้รายละเอียดเพิ่ม พ่อของเหยื่อได้ไปแจ้งความเพิ่มไว้ที่จีนด้วย จากนั้นลองติดต่อนางสาวณปภัช เพื่อนชาวไทยที่ทำธุรกิจร่วมกัน ให้ช่วยแจ้งความกับตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมประสานขอดูกล้องวงจรปิด
การเปิดกล้องวงจรปิดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้เห็นเหยื่อเดินทางเข้าไทยจริงเมื่อเวลา 15.04 น. วันที่ 28 กรกฎาคม 67 และขณะนั้นได้ผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ มีการเดินไปฝากกระเป๋าที่ร้านรับฝากกระเป๋า อาคารผู้โดยสาร
ต่อมาเวลา 16.03 น. ได้เดินไปขึ้นแท็กซี่สีเขียวเหลือง ซึ่งตำรวจเห็นทะเบียนชัดเจนหมด จึงติดต่อไปยังศูนย์บริการแท็กซี่ เพื่อติดต่อกับคนขับ ทำให้ทราบว่าตอนขึ้นรถเหยื่อส่งมือถือที่ปักหมุดสถานที่ให้ไปส่งคือซอยเกษมสันต์ 2 ย่านมาบุญครอง และคนขับได้ขับไปส่งบริเวณท้ายซอย ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์จิม ทอมป์สัน
จากนั้นการไล่กล้องวงจรปิดพบว่าเวลา 18.10 น. เหยื่อเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ และเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น ก่อนเรียกรถตุ๊กตุ๊กให้ไปส่งที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ก่อนเข้าพักอาศัยที่คอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท
เมื่อสืบทราบมาถึงตรงนี้ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบที่ห้องพักในช่วงค่ำของวันที่ 30 กรกฎาคม ปรากฏว่าพบว่าเหยื่อปลอดภัยดี ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด จึงพาตัวไปพบบุคคลที่ญาติติดต่อไว้ และพาตัวไปสอบสวน โดยมีนางสาวณปภัช เพื่อนร่วมธุรกิจของพ่อเหยื่อ ร่วมพูดคุยอยู่ด้วย
หลังสอบปากคำ นางสาวณปภัช เล่าว่า ลูกสาวของเพื่อนตกเป็นเหยื่อจริง โดยตอนที่เธอเรียนอยู่ญี่ปุ่น ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเป็นตำรวจจีน ข่มขู่กล่าวหาว่าเธอทำผิดกฎหมายที่จีน จากนั้นออกอุบายขอตรวจสอบบัญชี และหลอกให้โอนเงินหลายครั้ง เป็นเงินกว่า 2.5 ล้านบาท ตอนนั้นเธอกลัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงไม่ได้บอกรายละเอียดพ่อแม่ จึงโกหกเพื่อขอเงินแม่ บอกแม่ว่าเป็นเงินค่าโปรแกรมที่เรียน
อย่างไรก็ตาม แค่โอนเงินให้ยังไม่พอ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังหลอกให้เธอออกจากญี่ปุ่นบินมาไทย โดยอ้างจะช่วยเรื่องคดีให้เบาลง
ส่วนคลิปที่ส่งให้พ่อผ่านวีแชต เธอถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ทำขึ้นมา เพื่อนำคลิปไปขู่เรียกเงินกับครอบครัว แต่พ่อของเธอยังมีสติ ไม่ได้โอนเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทันที แต่มีการแกะรอย กระทั่งได้เบาะแสของลูกสาวก่อน
คดีในลักษณะนี้ พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผู้กำกับการ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บอกว่า ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นเคสแรก เพราะก่อนหน้านี้เคยเจอเหยื่อถูกหลอกมาจากออสเตรีย นิวซีแลนด์ แคนดา และญี่ปุ่น ส่วนเคสนี้เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นชาวจีน และเหยื่อถูกกลุ่มคนร้ายใช้จิตวิทยาในการหลอกล่อ ทำให้เชื่อว่าเป็นตำรวจจริง.-สำนักข่าวไทย