ทำเนียบ 28 พ.ย.-รมว.ดีอีเอส เร่งแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กำชับเครือข่ายมือถือจัดการ “ซิมม้า” มีซิมมากกว่า 5 อัน ต้องลงทะเบียนกับ กสทช. เผยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองเล่าก์ก่ายคืบหน้า มั่นใจถอนรากถอนโคนได้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวถึงการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่าเคนถูกแก๊งคอลเซนเตอร์โทร.หา ว่า กระทรวงดีอีเอสกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ โดยมีให้ประชาชนสามารถโทรมาแจ้งที่ศูนย์ AOC 1441 สายด่วนภัยออนไลน์ช่วยเหลือตลอด 24 ชม. และเน้นบังคับใช้กฎหมายพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากขณะนี้มีข้อมูลประชาชนรั่วไหลให้มิจฉาชีพไปใช้ โดย
“กำชับสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เร่งอบรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 9,000 หน่วย รวมถึงเตรียมเชิญเครือข่ายผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เข้ามาหารือเกี่ยวกับการใช้ซิมม้าของมิจฉาชีพ เพื่อใช้ Ai ในการตรวจจับ หากพบข้อสงสัยให้ดำเนินการทันที นอกจากนี้ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับการลงทะเบียนซิมเกินกว่า 5 ซิมให้ระยะเวลา 1 เดือนให้บุคคลและนิติบุคคลที่มีซิมเกินกว่า 5 ซิม ต้องลงทะเบียนกับกสทช.” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าว
เมื่อถามว่ารมว.ดีอีเอส เคยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรเข้ามาหาหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เคย จึงพยายามเก็บหลักฐานบันทึกเสียง แต่ทางมิจฉาชีพวางสายไปก่อนจะได้รับข้อมูล เนื่องจากรู้ว่าไม่สามารถหลอกได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวต้องสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชน เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องนี้
ส่วนการติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า ยังคงติดตามการปราบปรามและนำมิจฉาชีพมาดำเนินคดี โดยสั่งการให้ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมาธิการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ติดตามสืบประวัติและติดตามพฤติกรรม มั่นใจว่าจะถอนรากถอนโคนขบวนการดังกล่าว โดยการบังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตาม คนไทยที่ไปทำงานในเมืองเล้าก์ก่ายบางส่วนที่มีคดีติดตัว ก็ต้องถูกดำเนินคดีต่อไป
เมื่อถามถึงกรอบเวลาที่สถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะคลี่คลายลง ประชาชนไม่ถูกโทรไปหลอกลวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากทุกวันนี้จับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ที่นำข้อมูลส่วนบุคคลของประชานไปขายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ.-318.-สำนักข่าวไทย