“ไอติม” แจงหลังถูกกล่าวหาช่วย “ปูอัด”                    

กรุงเทพฯ 2 พ.ย.-“พริษฐ์” โต้ถูกกล่าวหาเป็นหัวแรงรวมเสียง สส. ไม่ขับ “ปูอัด” ชี้กล่าวหาร้ายแรงมาก ยันเป็น 1 เสียงโหวตขับออก ระวังตัวเป็นพิเศษ ยืนหลักการความถูกต้อง-เสมอภาค


นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าลงมติไม่เห็นชอบกับการขับออกนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.ออกจากพรรค หลังถูกร้องเรียนคุกคามทางเพศ ว่า ตามที่หลายคนทราบจากแถลงการณ์ของหัวหน้าพรรคเมื่อคืน(1 พ.ย.) ว่าในส่วนของข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศของสส. ก้าวไกล 2 กรณี กรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติการณ์ที่คุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยร้ายแรงของพรรค โดยเสนอให้ขับพ้นจากสมาชิกพรรค

“เมื่อมีข้อเสนอดังกล่าว รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ว่าการขับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นการลงมติในที่ประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งการลงมตินั้นจะต้องได้รับเสียง 3 ใน 4 ของจำนวน สส.และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ไม่ใช่แค่ที่มาประชุม  ซึ่งจะอยู่ที่จำนวน 116 เสียงจาก 154 เสียง และผลที่ปรากฎจากการลงมติของสส.และกรรมการบริหารพรรคที่มาร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน” นายพริษฐ์ กล่าว


 นายพริษฐ์ กล่าวว่า 1.กรณี สส. วุฒิพงษ์ ทองเหลา (ปราจีนบุรี) 120 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมากกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4 2. กรณีสส. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิต (กทม.) 106 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน  4 ทั้งนี้ ตนเข้าใจดีว่าสส.ในที่ประชุมแต่ละคนได้อภิปรายและลงมติบนข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่เปิดเผยความเห็นหรือการลงมติรายบุคคล แต่ล่าสุด

“มีบางเพจที่กล่าวหาว่าผมเป็น 1 ในสส. ที่ลงมติไม่เห็นชอบกับการขับออกคุณไชยามพวาน รวมถึงกล่าวหาว่าผม “รวบรวมเสียง” ให้คนโหวตไม่เห็นด้วยกับการขับออกเพื่อปกป้อง “พวกพ้อง” เนื่องจากผมรู้จักกับคุณไชยามพวานมาก่อนที่เขาจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ผมถือว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงความจริงดังต่อไปนี้ 1. ผมยืนยันว่าจุดยืนและการทำงานของผมตลอดที่ผ่านมา ยึดอยู่บนหลักการที่ผมคิดว่าถูกต้องและข้อเท็จจริงเท่านั้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่ผมรู้จักหรือเคยร่วมงานกันมามากน้อยแค่ไหน” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า 2. แม้ตนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคที่รับผิดชอบเรื่องการพิจารณาข้อเท็จจริงของทุกข้อร้องเรียนทางวินัย แต่ในฐานะโฆษกพรรค ตนย่อมต้องทำงานร่วมกับคณะกรรมการวินัยในขั้นตอนที่ต้องเตรียมการสื่อสาร ดังนั้น เมื่อทราบว่ามีเรื่องร้องเรียนนายไชยามพวาน จึงได้ระมัดระวังและเว้นระยะห่างเป็นพิเศษจากกระบวนการทั้งหมดในกรณีนี้ โดยแจ้งเหตุผลดังกล่าวต่อประธานกรรมการวินัยพรรค และหลีกเลี่ยงแสดงความเห็นใด ๆ นอกรอบกับสส. ทุกคนในพรรคที่สอบถามเข้ามา


“3. ในที่ประชุมเมื่อวานที่คณะกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคได้มีการรายงานข้อเท็จจริงต่อ สส. ทุกคน เพื่อเปิดให้อภิปรายความเห็นก่อนจะลงมติ ผมก็ได้ลุกขึ้นอภิปราย โดยมีประเด็นที่สำคัญว่า ในมุมมองของผม การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่มีความผิดที่ชัดเจน คือการมีความสัมพันธ์กับทีมงานของตนเอง เพราะไม่ว่าสถานการณ์เฉพาะหน้าดูเหมือนจะยินยอมหรือไม่ แต่ในเมื่อทั้งสองอยู่ใน “ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน” ที่ฝ่ายหนึ่งสามารถให้คุณให้โทษอีกฝ่ายหนึ่งได้ในหน้าที่การงาน จึงไม่สามารถถูกตีความได้ว่าเป็น “ความยินยอม” ที่แท้จริง และหากตระหนักว่ากระทำผิดดังกล่าว ทางออกที่ควรจะเป็นคือการที่ผู้กระทำผิด แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยที่ไม่ต้องรอให้มีกระบวนการวินิจฉัยลงโทษอย่างเป็นทางการ” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า 4. ด้วยเหตุผลดังกล่าว ตนจึงเป็น 1 คนที่ลงมติเห็นด้วยกับการขับออกคุณไชยามพวาน ซึ่งเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผยที่เพื่อน ๆ สส. ทุกคนรับรู้ และเป็นการตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลที่ตนยึดถือ 5. ได้ขออภัยเพื่อน ๆ สส.ที่ตนจำเป็นต้องเปิดเผยการลงมติของตนเองต่อสาธารณะ แต่จำเป็นต้องชี้แจงข้อกล่าวหาที่รุนแรงว่าตนใช้เหตุผลเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวในการลงคะแนน และโน้มน้าวคนอื่นในการลงคะแนน ซึ่งไม่เป็นความจริง

“เชื่อว่าสส.คนอื่นที่เห็นต่างกับและลงมติไม่เห็นด้วยกับการขับออกคุณไชยามพวาน ได้ตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลที่เขายึดถือ  ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือการปกป้องพวกพ้อง เชื่อว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับเหตุผลหรือการตัดสินใจของตน  แต่ยืนยันว่าทุกการตัดสินใจของยึดอยู่บนหลักการที่เชื่อว่าถูกต้อง และเป็นหลักการที่ต้องนำมาใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาค” นายพริษฐ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าข้อกล่าวหาดังกล่าว มาจากการที่ในโซเชียลมีเดียแสดงความเห็นและตั้งข้อสังเกต เนื่องจากนายพริษฐ์สนิทสนมคุ้นเคยกับนายไชยามพวานจากการที่เคยอยู่กลุ่มนิวเดม ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่