30 ต.ค.- สถาบันโรคผิวหนัง จัดงานวันสะเก็ดเงินโลก (World Psoriasis Day 2023) ตามแนวคิด“ACCESS FOR ALL” หรือ “เข้าถึง เท่าเทียม ทั่วไทย ได้คุณภาพ” เพื่อสร้างความตระหนักต่อผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินว่าพวกเขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว พร้อมเสริมสร้างความรู้ที่ถูกต้อง และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงินให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่การสาธารณสุขทั่วโลกให้ความสำคัญ เนื่องจากความรุนแรงของโรคมีผลกระทบต่อสุขภาพกาย เช่น เพิ่มโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อน กระดูกและข้ออักเสบผิดรูปซึ่งอาจสร้างความพิการทางกาย และผลกระทบต่อสุขภาพจิตนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งยังถูกรังเกียจจากสังคมเนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นโรคติดต่อ ทั่วโลกมีผู้ป่วยสะเก็ดเงินมากกว่า 125 ล้านคน ที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ จึงมีวันสะเก็ดเงินโลกขึ้นในทุกวันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อสร้างความตระหนักต่อผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินว่าพวกเขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคแก่ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป ซึ่งจะเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วยและประชาชน ในการพูดคุยกันอย่างเปิดเผยถึงโรคดังกล่าว ทางสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ จึงจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้ผู้ป่วยมีสิทธิมีเสียงในการแสดงออกถึงความต้องการและความจำเป็นต่างๆ ของตนให้สังคมได้รับรู้ และให้ทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ซึ่ง theme ประจำปีนี้ คือ “ACCESS FOR ALL”
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานวันสะเก็ดเงินโลกโดยสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ตามแนวคิด “ACCESS FOR ALL” หรือ “เข้าถึง เท่าเทียม ทั่วไทย ได้คุณภาพ” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของทีมบุคลากรทางการแพทย์ พัฒนารูปแบบระบบบริการในพื้นที่ต้นแบบ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงบริการตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิเข้าด้วยกัน รวมถึงการนำเทคโนโลยีและยาที่ทันสมัยมาใช้เพื่อให้กลุ่มผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินทุกระดับเข้าถึงบริการการดูแลรักษาที่ได้มาตรฐาน ใกล้บ้านไม่ต้องเดินทางไกลโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและภาระของครอบครัว ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงินและมีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยรวมจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ เช่น หน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์ หน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ต้นแบบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย และกองทุนที่เกี่ยวข้อง. -สำนักข่าวไทย