ชัวร์ก่อนแชร์: ชาวญี่ปุ่นป่วยหนักจากน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี จริงหรือ?

29 กันยายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


บทสรุป :

  1. คลิปที่แชร์คือกลุ่มผู้ป่วยโรคมินามาตะซึ่งเกิดจากการกินอาหารทะเลปนเปื้อนสารปรอทจากโรงงานเคมี
  2. โรคมินามาตะจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาการจะแตกต่างจากผู้ป่วยที่สัมผัสกัมมันตรังสี
  3. น้ำทิ้งจากโรงงานในเมืองมินามาตะไม่ได้ผ่านการบำบัดน้ำเสีย ต่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะที่ระบายน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่บำบัดแล้ว

ข้อมูลที่ถูกแชร์ :


มีคลิปวิดีโอข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยอ้างว่าการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่บำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะลงสู่ทะเลมีความอันตรายอย่างมาก เพราะในอดีตมีหลักฐานว่าชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเคยป่วยหนักและเสียชีวิตจากการกินอาหารทะเลที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากน้ำปนเปื้อนสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงทศวรรษที่ 1950’s มาแล้ว

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

จากการตรวจสอบโดย Taiwan FactCheck Center ยืนยันว่า ผู้ป่วยที่อยู่ในคลิปที่เผยแพร่ คือกลุ่มผู้ป่วยโรคมินามาตะ หรือโรคที่เกิดจากสารปรอท ไม่ใช่ผู้ป่วยที่สัมผัสกัมมันตรังสีตามที่กล่าวอ้าง


Minamata Disease

โรคมินามาตะ ถูกพบครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปี 1956 ที่เมืองมินามาตะ จังหวัดคูมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเด็กในหมู่บ้านชาวประมงเกิดอาการชักกระตุกและมีปัญหาในการพูดพร้อม ๆ กันหลายคน

มีความพยายามแยกคนป่วยออกจากชุมชนเพื่อป้องกันการติดต่อของโรค แต่ภายหลังกลับพบอาการประหลาดกับสัตว์หลายชนิดที่อาศัยอยู่ใกล้หมู่บ้านชาวประมง อาทิ แมวหลายตัวเกิดอาการชักกระตุกและตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฝูงการ่วงตกมาตายจากท้องฟ้า ฝูงปลาลอยตายเกลื่อนทะเล สาหร่ายไม่ขึ้นตามชายฝั่งเหมือนในอดีต

การสอบสวนโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยคูมาโมโตะพบว่า ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการชาที่ปลายมือและเท้า การเดินติดขัด ผู้ป่วยค่อย ๆ สูญเสียความสามารถในการพูด การได้ยิน การมองเห็น การกลืนอาหารเป็นไปอย่างยากลำบาก ในรายที่อาการรุนแรงจะเกิดอาการชักกระตุกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยปี 1956 พบผู้ป่วย 40 ราย และมีผู้เสียชีวิต 14 ราย

ทีมวิจัยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้านชาวประมงของเมืองมินามาตะ และแมวส่วนใหญ่ที่ตายก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเช่นกัน จึงสันนิษฐานว่าคนและสัตว์น่าจะป่วยจากภาวะอาหารเป็นพิษ จากสารโลหะหนักที่ปนเปื้อนอยู่ในปลาและหอยที่จับได้จากทะเล

Chisso Corporation

ที่มาของสารพิษเกิดจากน้ำปนเปื้อนสารพิษที่ปล่อยจากโรงงานของบริษัท Chisso Corporation โรงงานสารเคมีขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจการในเมืองมินามาตะตั้งแต่ปี 1908 ตัวอย่างน้ำเสียที่ปล่อยจากโรงงานประกอบไปด้วยสารโลหะหนักจำนวนมาก ทั้ง ตะกั่ว ทองแดง แมงกานีส และปรอท

กระทั่งปี 1959 จึงได้รับการยืนยันว่า สาเหตุการป่วยเป็นโรคมินามาตะ มาจากสารปรอทที่ปล่อยจากน้ำเสียของโรงงานของบริษัท Chisso Corporation เมื่อตัวอย่างโคลนในคลองที่ใช้ปล่อยน้ำเสีย พบปริมาณสารปรอทถึง 2 กิโลกรัมต่อตะกอน 1 ตัน เทียบเท่าปริมาณที่พบจากการทำเหมือง ซึ่งภายหลัง Chisso Corporation ยังได้ตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายสารปรอทที่รวบรวมมาจากคลองที่ใช้ปล่อยน้ำเสียโดยเฉพาะ

เมื่อสารปรอทในแหล่งน้ำทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย ทำให้เกิดปรอทอินทรีย์ (Methylmercury) ซึ่งมีพิษต่อระบบประสาท เป็นปรอทที่เป็นพิษมากที่สุดเนื่องจากสามารถละลายในไขมันและจับกับโปรตีนในเซลล์ จึงถูกขับออกจากร่างกายได้ยากและสามารถสะสมในร่างกายในปริมาณมาก

ปี 1959 จังหวัดคูมาโมโตะสั่งห้ามขายปลาที่จับจากอ่าวมินามาตะ ส่วนกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นออกคำสั่งให้โรงงานของบริษัท Chisso Corporation ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียและเปลี่ยนเส้นทางการปล่อยน้ำเสียให้ไกลจากหมู่บ้านชาวประมง โดย Chisso Corporation ยอมชดใช้เงินให้ผู้ป่วยและเสียชีวิตจากน้ำเสียปนเปื้อนที่ปล่อยมาจากโรงงาน

ระหว่างพิธีติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย ประธานของ Chisso Corporation ยังได้ดื่มน้ำที่อ้างว่านำมาจากน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วเพื่อยืนยันถึงความปลอดภัย

การกลับมาของโรค

แม้ทุกอย่างดูเหมือนจะคลี่คลายลง แต่ภายหลังกลับยังพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายคลึงกับโรคมินามาตะ ทั้งในจังหวัดคูมาโมโตะและจังหวัดคาโงชิมะ

ปี 1961 พบเด็กจำนวนมากป่วยด้วยภาวะสมองพิการแต่กำเนิด ที่คล้ายกับการป่วยด้วยโรคมินามาตะในผู้ใหญ่ ซึ่งแต่เดิมไม่คิดว่ามีความสัมพันธ์กัน เนื่องจากเด็กเหล่านี้เกิดหลังการระบาดของโรคมินามาตะผ่านไปแล้ว และไม่เคยกินปลาที่ปนเปื้อนสารปรอท ส่วนผู้เป็นแม่ก็ไม่เคยแสดงอาการของโรคมินามาตะเช่นกัน

รวมถึงความเชื่อที่ว่ารกในครรภ์มารดาจะช่วยปกป้องทารกในครรภ์จากสารพิษที่ถ่ายทอดจากกระแสเลือดของมารดา ซึ่งเป็นจริงสำหรับกรณีสารเคมีส่วนใหญ่ แต่ตรงกันข้ามกับปรอทอินทรีย์ เมื่อรกในครรภ์จะดึงปรอทอินทรีย์ออกจากกระแสเลือดในตัวแม่ แล้วไปสะสมยังทารกในครรภ์ ส่งผลให้เด็กเกิดมาพร้อมกับโรคมินามาตะ

ในปี 1965 โรคมินามาตะกลับมาระบาดอีกครั้งในจังหวัดนีงาตะ สาเหตุจากการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนปรอทอินทรีย์สู่แหล่งน้ำโดยโรงงาน Showa Denko นำไปสู่การฟ้องร้องบริษัทในปี 1968 ส่งผลให้โรคมินามาตะได้รับการจับตาจากคนทั้งประเทศ

การปกปิดข้อมูล

ภายหลังมีการเปิดเผยว่าระบบบำบัดน้ำเสียที่โรงงานของบริษัท Chisso Corporation ซึ่งติดตั้งเมื่อปี 1959 ไม่สามารถกำจัดปรอทอินทรีย์ในน้ำเสียจากโรงงานได้ การติดตั้งเป็นเพียงการแก้ปัญหาเพื่อลดกระแสต่อต้านจากชาวเมืองเท่านั้น

ส่วนงานวิจัยที่พบปริมาณสารปรอทเกินปกติในเส้นผมของประชาชนในพื้นที่ ก็ไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ของจังหวัด ส่งผลให้โรคมินามาตะแพร่ระบาดเป็นเวลายาวนานถึง 10 ปี จนการระบาดของโรคมินามาตะทั้ง 2 ครั้งถูกยกให้เป็น 2 จาก 4 โรคสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น (Four Big Pollution Diseases of Japan)

ผลกระทบของคนและสัตว์จากการระบาดของโรคมินามาตะดำเนินมากว่า 36 ปี มีจำนวนผู้ป่วยกว่า 12,000 ราย และผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 ราย เมืองมินามาตะต้องยุติการจับปลาจนถึงปี 1997 บริษัท Chisso Corporation ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบกว่า 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ถือเป็นหนึ่งในความเสียหายด้านอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

ไม่ใช่อาการผู้ป่วยที่สัมผัสกัมมันตรังสี

จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ อาการป่วยของผู้ได้รับสารกัมมันตรังสีขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลาของการสัมผัส หากได้รับกัมมันตรังสีปริมาณสูง อาจทำให้เกิดความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (Acute Radiation Syndrome) ได้แก่การคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ และผิวหนังไหม้

หากได้รับกัมมันตรังสีเป็นระยะเวลานาน อาจนำไปสู่ความผิดปกติเกี่ยวกับเลือดและการเกิดโรคมะเร็ง

ส่วนภาพที่นำมากล่าวอ้าง คืออาการของผู้ป่วยที่สัมผัสพิษจากสารปรอท ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางเป็นหลัก ไม่ใช่อาการของผู้ป่วยที่สัมผัสกัมมันตรังสีแต่อย่างใด

ข้อมูลอ้างอิง :

https://tfc-taiwan.org.tw/articles/9581
https://en.wikipedia.org/wiki/Minamata_disease
https://ej.eric.chula.ac.th/article/view/276
https://amarc.co.th/methyl-mercury-amarc-article/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่