กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – สศช. มองรัฐบาลเพิ่มขาดดุลงบประมาณปี 67 เป็น 1.3 แสนล้านบาท เพื่อนำไปกระตุ้นกำลังซื้อและพัฒนาเศรษฐกิจต่อเนื่อง แม้ปีหน้าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนยังชะลอจากหลายปัจจัยก็ตาม ส่วนมาตรการท่องเที่ยวของไทยจะเสริมเศรษฐกิจไทยได้มาก แต่จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวใช้เงินให้มากขึ้น พร้อมขอหารือทุกฝ่ายที่มาของเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก่อน ด้านนักวิชาการขอให้รัฐบาลมาตรการวอลเล็ตจะเน้นช่วยเฉพาะกลุ่มหรือเหวี่ยงแห
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในงานประชุมประจำปี 2566 “Transitioning Thailand : Coping with the Future” ว่าการที่รัฐบาลพิจารณาเพิ่มงบประมาณรายจ่ายปี 2567 เป็นขาดดุล 1.3 แสนล้านบาท สศช. มองว่าเป็นการเพิ่มขาดดุลงบประมาณเพื่อนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละด้าน โดยเฉพาะด้านกำลังซื้อ เพื่อให้ประชาชนเกิดการใช้จ่าย เกิดการลงทุนในภาครัฐ และอื่นๆ ซึ่งงบดังกล่าวยังไม่รวมถึงโครงการ digital Wallet เพราะแต่ละหน่วยงานจะต้องมีการหารือร่วมกันว่าจะนำเงินงบประมาณในส่วนใดมาใช้จ่ายในโครงการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าโครงการจะเริ่มต้นไตรมาสแรกปีหน้า
ทั้งนี้ มองว่าในปีหน้าไทยยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และยังต้องเฝ้าจับตาดู รวมถึงการส่งออกของไทยจะเริ่มดีขึ้นเป็นการค้าขายในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเป็นส่วนใหญ่
ขณะเดียวกันแต่ยังมีปัจจัยบวกในเรื่องของนโยบายรัฐบาลฟรีวีซ่าที่จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น แต่กังวลในเรื่องของทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงการลดค่าไฟ 3.99 บาทต่อหน่วย เป็นมาตรการระยะสั้น ซึ่งในระยะยาวจะต้องไปดูในเรื่องของโครงสร้างค่าไฟทั้งระบบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังคง GDP ปีนี้อยู่ที่ 2.5-3% ส่วนกรณีที่รัฐบาลตั้งเป้า GDP ปีหน้าโต 5% มองว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาแสดงความมุ่งที่จะตั้งเป้าให้การพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจขยายตัวให้ได้มากที่สุดตามศักยภาพที่เรามีอยู่ เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่ที่หน่วยงานทุกหน่วยต้องเร่งดำเนินการว่าส่วนไหนที่จะทำให้ GDP ขยับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นมา 3-4 ไตรมาส ต่อกันคือเรื่องการส่งออก คงต้องเร่งให้การส่งออกไปประเทศไทยปลายทางได้ แน่นอนว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง มองว่าปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่แน่ว่าจะมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก
ดร.สันติธาร เสถียรไทย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท Sea Group กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยระยะสั้น ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการด้านการคลังเข้ามาเสริมสภาพคล่องเพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น โดยหลักการแนวทางกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะใช้เงินกว่า 5.6 แสนล้านบาท รัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าสามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงและมากน้อยแค่ไหนว่าจะเน้นช่วยเฉพาะกลุ่มหรือช่วยแบบเหวี่ยงแหทั้งหมด เพราะในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนของโครงการดังกล่าวว่าจะช่วยเหลือออกมาอย่างไร แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้อาจมองว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการด้านการคลังเข้ามาเสริมให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้สิ่งที่เศรษฐกิจยังจะได้รับผลกระทบในปีหน้า คือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ยังผันผวน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป หรือแม้แต่จีน ที่คาดว่าจะชะลอตัวลงทั้งสิ้น เห็นได้ชัดภาคการส่งออกของไทยติดลบต่อเนื่องมาหลายเดือนและมีโอกาสไปจนถึงปีหน้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ประสบปัญหามาต่อเนื่อง แม้ไทยจะใช้มาตรการด้านการท่องเที่ยวฟรีวีซ่า แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจจีนไม่ดีเช่นนี้อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยได้น้อยลงไปด้วย เป็นสิ่งที่ภาครัฐบาลจะต้องหาหนทางใหม่ๆ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปีหน้า.-สำนักข่าวไทย