ปลัด สธ. ย้ำ 7 วิธีขับขี่ปลอดภัยช่วงหน้าฝน ลดอุบัติเหตุ

กทม. 26 ส.ค.- ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ห่วงช่วงหน้าฝนเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น เหตุจากถนนลื่น ทัศนวิสัยในการขับขี่ ไม่ดีพอ ย้ำตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทาง พร้อมแนะ 7 วิธีขับขี่ปลอดภัยช่วงฝนตกหรือมีน้ำขัง ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงฤดูฝน หลายพื้นที่มีฝนตกค่อนข้างหนัก ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีพอ และหากขับรถด้วยความเร็วจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงรถลื่นไถล บังคับรถไม่อยู่ ซึ่งจากรายงานของกองสาธารณสุขฉุกเฉินพบว่าช่วงนี้มีรายงานการเกิดเกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง หลายเหตุการณ์มีผู้บาดเจ็บต้องนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลจำนวนมาก บางเหตุการณ์ถึงขั้นเสียชีวิต เช่น เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (25 สิงหาคม 2566) เกิดเหตุรถกระบะบรรทุกคนงานยางระเบิดพลิกคว่ำบริเวณหน้าด่านศุลกากร ถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 14 ราย นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลมะขาม ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 ราย ดังนั้น ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะในช่วงฤดูฝน โดยก่อนเดินทางให้ตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ต่างๆ ว่ามีความพร้อมต่อการขับขี่ เช่น ที่ปัดน้ำฝน ระบบไฟฟ้า ระบบยาง และระบบเบรก เป็นต้น

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะฝนตกหรือถนนเปียก ไม่ควรขับรถเร็ว โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรก รถจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มาก เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างคราบน้ำมันและฝุ่นละอองเกิดเป็นคราบฉาบอยู่บนผิวถนน ส่งผลให้รถลื่นไถลและเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้ สำหรับวิธีขับขี่ให้ปลอดภัยช่วงฝนตกและมีน้ำท่วมขังบนถนน คือ 1.ลดความเร็วการขับขี่ลงกว่าระดับปกติ เนื่องจากพื้นถนนที่เปียก รถจะใช้ระยะเบรกเพิ่มขึ้น ควรใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนนและระยะในการมองเส้นทาง จะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.เปิดไฟต่ำ เพื่อให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และรถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ในระยะไกล 3.ปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงของฝน เพื่อช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้ตลอดเวลา 4.เว้นระยะห่างจากท้ายรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ อย่างน้อย 10-15 เมตร เพื่อให้มีระยะเบรกที่เพียงพอและปลอดภัย 5.หลีกเลี่ยงการแซง หากจำเป็นควรประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนแซง 6.กรณีที่รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ไม่ควรเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนทันที อาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรใช้เกียร์ต่ำและค่อยๆ เบรก เพื่อลดความเร็ว แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7.เมื่อต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดประเมินสถานการณ์ก่อน หากระดับน้ำสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง