พท.เตรียม สส.แจงแทนแคนดิเดตนายกฯ

รัฐสภา 18 ส.ค.-“สุทิน” เตรียม สส.เพื่อไทย แจงแทนแคนดิเดตนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภา มั่นใจปมคุณสมบัติไม่มีอะไรน่าติดใจ เผยเป็นความจำเป็นต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ ต้องจับมือกับ รทสช.


นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีในที่ประชุมตัวแทน ของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) และตัวแทนพรรคการเมือง มีข้อตกลงว่าแคนดิเดตนายกฯ ที่เสนอต่อรัฐสภาไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐภา วันที่ 22 สิงหาคม ว่า พิจารณาตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่ได้บังคับ อีกทั้งเจตนารมณ์ของการเขียนข้อบังคับต้องการให้เคารพกระบวนการเลือกตั้ง การวินิจฉัยของประชาชน

“ในการประชุมประเมินว่าอาจมีผู้ติดใจ จึงเปิดให้อภิปราย รวม 5 ชั่วโมง แบ่งเป็นส.ว. 2 ชั่วโมง ส.ส. 3 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นของพรรคก้าวไกล 30 นาที  และทราบว่าพรรคก้าวไกลจะใช้เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมือง ส่วนประเด็นที่มีข้อติดใจ พรรคเพื่อไทยเตรียมกระบวนการชี้แจงแถลงข้อกล่าวหาต่าง ๆ  และแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ที่จะเสนอชื่อให้โหวตเป็นนายกฯ ในรัฐสภา เท่าที่พอจะทำได้ภายนอก ก่อนถึงวันโหวตนายกฯ แต่หากในการประชุมรัฐสภา มีการตั้งคำถามหรือซักถาม เป็นหน้าที่ของส.ส.พรรคเพื่อไทยที่จะรับผิดชอบ” นายสุทิน กล่าว


เมื่อถามว่าประเด็นที่จะถูกอภิปรายกังวลหรือไม่ว่าจะไปไกลถึงเรื่องส่วนตัว นายสุทิน กล่ารวว่า อาจจะมีได้ แต่เชื่อว่าประธานในที่ประชุมคงวางกรอบไว้ หากเกินเลยไปจริงๆ จะให้ สส.ชี้แจงแทน ส่วนประเด็นเรื่องคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามนั้น ตนมองว่าที่ผ่านมาถูกคัดกรองในหลายระดับ ทั้งพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังนั้นประเด็นคุณสมบัตินั้นไม่มีอะไรที่น่าติดใจ

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ  นายสุทิน กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวพรรคเพื่อไทยชี้แจงได้ เหตุที่ต้องไปรวมเพราะมีเหตุผล และมีคนที่เป็นต้นเหตุให้ไปรวม ซึ่งเป็นประเด็นบีบบังคับให้เราต้องไปรวม ทั้งนี้เจตนารมณ์ของประชาชนต้องการให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่เมื่อขั้วเราบางพรรค เขาไม่ยอมรับ ทำให้เสียงไม่พอ ดังนั้นเพื่อให้การตั้งรัฐบาลได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชน จึงเป็นความจำเป็น

เมื่อถามว่าหลังจากที่จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ สังคมทวงถามถึงการลาออกของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน กล่าวว่าเป็นธรรมของสังคม ทั้งนี้ยอมรับว่าการพูดของนพ.ชลน่านนั้นเป็นการแสดงจุดยืนจริง แต่เมื่อผลการเลือกตั้งผิดความคาดหมาย และเพื่อให้ตั้งรัฐบาลบนเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นไปได้ เป็นความจำเป็นต้องไปรวม


“ตามเจตนรมณ์ของประชาชน ไม่มีอะไรที่ได้ทุกอย่างหรือเสียทุกอย่าง  ส่วนจะต้องรับผิดชอบคำพูดหรือไม่ หรือจะลาออกหรือไม่ต้องถามนพ.ชลน่าน อย่างไรก็ดีผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เทคนิคการหาเสียง แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป บริบทความเป็นจริงเปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นความจำเป็นที่ต้องทำไม่เหมือนสิ่งที่พูดไป และผมยืนยันว่าเป็นความจำเป็นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป” นายสุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง