รัฐสภา 18 ส.ค. – “รังสิมันต์” ยืนยันเดินหน้าให้สภาฯ ทบทวนญัตติห้ามเสนอชื่อ “พิธา”ซ้ำ หวังโหวตนายกฯ ไปไม่ถึง “พล.อ.ประวิตร” ระบุถ้าเป็นรัฐบาลลุงยากจะรับไหว
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ยืนยันเช่นเดิมที่จะให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาญัตติที่เสนอด้วยวาจา ขอให้ทบทวนมติที่ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ซ้ำ และยืนยันว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมายังไม่ได้วินิจฉัยในเนื้อหาสาระ เพราะมีผลทางเทคนิค ดังนั้น สภาฯ ยังสามารถทบทวนได้ ซึ่งในวันนี้จะเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อยืนยันและกำหนดเวลาการพิจารณา ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เวลายืดยาว เพื่อให้โอกาสสภาฯ พิจารณา เรื่องนี้เมื่อกระทำพลาดไป ซึ่งคงไม่ต้องลงในรายละเอียดว่าพลาดอะไรไปบ้าง ยืนยันว่าจะเสนอญัตตินี้ต่อไป
“ส่วนทิศทางโหวตคงหวังให้ชนะ แต่สุดท้ายคงไม่ใช่เราเป็นผู้ตัดสิน แต่ขอพูดตรงไปตรงมา หากเราทำลายหลักการเกินไป สุดท้ายจะกลายเป็นบรรทัดฐานและกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพรราะการที่จะใช้กลไกของสภาฯ ในการเสนอชื่อบุคคล ไม่ใช่มีแค่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่มีอีกหลายตำแหน่ง ดังนั้น ต้องระวังให้ดีในการที่จะนำเรื่องนี้มาเป็นบรรทัดฐาน สิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามเสนอ ถ้าคุณไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลหรือนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี มันเลยขั้นตอนนี้ไปแล้ว ทำไมจะต้องทำลายหลักการการเลือกนายกรัฐมนตรี ตอนนี้คุณทำอะไรไม่ได้แล้ว คงไม่มีการเสนอชื่อซ้ำอีกรอบ เพราะคงเป็นไปไม่ได้ และต้องยอมรับว่าในสมัยประชุมนี้เสนอไม่ได้แล้ว ส่วนในอนาคตข้างหน้าค่อยไปว่ากัน” นายรังสิมันต์ กล่าว
สำหรับพรรคก้าวไกลพร้อมจะเป็นฝ่ายค้านชัดเจนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะเกิดขึ้นได้ต้องมีรัฐบาล แต่ยืนยันว่าจุดยืนของพรรคก้าวไกลยังคงเดิมที่จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เพราะได้ยืนยันในหลายๆ ครั้งว่า ไม่มีลุงไม่มีเรา อย่างที่เคยให้ข่าวไว้กับพี่น้องประชาชน
ส่วนเรื่องตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในพรรคยังไม่ได้พูดคุยกัน และไม่แน่ใจว่าจะต้องพูดคุยเรื่องตำแหน่งรองประธานด้วย ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรในที่สุดต้องมีรัฐบาลก่อน และการที่ต้องตัดสินใจในเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ในฐานะที่เป็น สส. และสัมผัสกับประชาชน รู้สึกผิดหวังในเรื่องนี้ว่าประเทศของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เท่ากับเราต้องอยู่แบบเดิม และพรรคการเมืองที่น่าจะเป็นพันธมิตรกับเราก็นำมาซึ่งความผิดหวัง แต่ไม่เป็นไรต้องเดินต่อ แล้วทำหน้าที่อย่างดีที่สุดอย่างตรงไปตรงมา ส่วนในอนาคตจะทำงานกับเพื่อไทยได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องกระบวนการในสภาฯ และเราต้องหาเสียงจากทุกฝ่ายผลักดันกฎหมาย
เมื่อถามว่าจะทวงสัญญาจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ใช่บทบาทของพรรค ถือเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยและประชาชนที่สนับสนุนและในส่วนของพรรคก้าวไกลก็ทำหน้าที่ตามบทบาท ถ้าต้องเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
เมื่อถามย้ำว่าหาก สว. ไม่โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย อาจจะได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หวังว่าคงไม่ไปถึงจุดนั้น สิ่งที่เราคิด หากเป็นรัฐบาลลุงก็เป็นเรื่องยากที่เราจะรับไหว.-สำนักข่าวไทย