“รังสิมันต์” หวั่น “เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์” เปิดทางทุนเทาดำเข้าประเทศ

รัฐสภา 13 ก.ย.-“รังสิมันต์” จัดหนัก “เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์” หวั่นเปิดทางทุนเทาดำเข้าประเทศ ชี้หากไม่ระวังอาจเปลี่ยนประเทศไทย หวังภาวะผู้นำ นายกฯ ในการแก้ปัญหาประเทศ ลั่นคนไทยเจ็บปวดจากบัญชีม้าพอแล้ว อย่าให้มี “นายกม้า ที่ตัวจริงควบคุมอยู่ใต้แสงจันทร์”

ในการประชุมร่วมรัฐสภา เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายรัฐบาลในประเด็น การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดตัดต้นตอการผลิต และจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้นควบคุมการลักลอบตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด รวมถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ช่วยเหลือเหยื่อของมิจฉาชีพอย่างทันท่วงที โดยผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างกลไกในการร่วมรับผิดชอบของบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม และธนาคารพาณิชย์


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การแถลงนโยบายในครั้งนี้ มีบางประเด็นที่ น.ส.แพทองธาร ได้นำเสนอต่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน่าสนใจ คือการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล้มเหลวต่อการทำหน้าที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นภายในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะประเทศไทยมีความท้าทายเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของสังคมจากการคุกคามของยาเสพติดโดยช่วงไตรมาสที่สองของปี 2567 มีคดีคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29.9% และมีจำนวนผู้ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้นถึง 1.9 ล้านคน แสดงเห็นว่า ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมารัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐาไม่สามารถลดปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในสังคมและยังแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของปัญหายาเสพติดได้ขยายใหญ่โตมากยิ่งขึ้น

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของ ป.ป.ส.ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 มีการยึดยาบ้าไปแล้วกว่า 541 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 11,854 กิโลกรัม ซึ่งมีปริมาณใกล้เคียงกับปี 2566 ทั้งปี และยาไอซ์ที่ยึดได้มีปริมาณมากกว่าปี 2565 ทั้งปี สะท้อนว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ล้มเหลวในการปราบปรามยาเสพติด การจับยาได้เพิ่มขึ้นไม่ใช่ตัวชี้วัดของความสำเร็จในการปราบปรามยา แต่มันสะท้อนให้เห็นว่ายาเสพติดที่เข้ามาในประเทศนั้นมากมายเพียงใด


ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราได้กลายเป็นแหล่งส่งออกยาเสพติดแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะยาเสพติดประเภท เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า ยาเสพติดชนิดนี้ มีแหล่งผลิต คือ ประเทศเมียนมา แต่ทำไมยังคงผลิตกันได้เป็นล่ำเป็นสัน และนังสามารถส่งออกไปขายได้ทั่วโลกเช่นนี้มีใคร เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดเหล่านี้บ้าง

ข้อมูลของสหประชาชาติ ได้ระบุว่า พื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เป็นจุดหนึ่งที่พบความหนาแน่นของยาบ้ามากที่สุด โดยมีจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการขนส่งยาเสพติดในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งล้วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของว้า ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในประเทศเมียนมา โดยกลุ่มติดอาวุธนี้ได้ใช้เงินจากการขายยาเสพติด ไปพัฒนากองทัพของตัวเองให้มีความเข้มแข็ง จนสามารถก่อตั้งเขตปกครองตนเองว้าได้แล้ว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่ายาเสพติดที่ผลิตได้จากลุ่มกองกำลังนี้คงมีจำนวนมากมายมหาศาลจนล้นตลาด ส่งผลให้ราคายาเสพติดในประเทศไทยถูกลงอย่างน่าตกใจ จากการพิจารณาของกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยเราได้เชิญ DEA ของสหรัฐอเมริกามาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จึงได้ทราบว่า ราคายาบ้าที่มีการซื้อขายกันในกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 352 ดอลล่าสหรัฐต่อ 2,000 เม็ด หรือตกแล้ว 5.91 บาทต่อเม็ดเท่านั้น และหากเป็นการซื้อขายกันตามตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ราคาซื้อขายจะตกที่ 4.92 บาทเท่านั้น


การที่ยาเสพติดราคาถูกได้ถึงขนาดนี้ แสดงว่ายาบ้าได้ล้นทะลักสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก การปราบปรามยาเสพติดในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาลนายเศรษฐาได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงสมดั่งที่นายกฯ น.ส.แพทองธาร ว่าเอาไว้จริงๆ แล้วรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ที่มาจากพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกัน จะรับผิดชอบต่อความล้มเหลวนี้อย่างไร ว่าจะกล้าจัดการปัญหาที่ต้นตอจริงหรือไม่ 3 ปีต่อจากนี้

อีกทั้ง นายกฯ ได้แถลงว่า จะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดที่ต้นตอ ตนเห็นด้วย แต่แหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดอย่างว้า ที่มีเขตอิทธิพลติดกับชายแดนประเทศจีนมาจนถึงประเทศไทย และบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เราจะดำเนินการอย่างไร กลุ่มว้าเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ ได้รับการสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจ ซึ่งพวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลทหารเมียนมา และสื่อต่างประเทศอย่าง The Diplomat ได้ลงข่าวเรื่องนี้ถึงขนาดว่าว้าได้มีข้อตกลงกับชาติมหาอำนาจชาติหนึ่งว่าจะไม่ส่งยาเสพติดไปที่ประเทศนั้น เพื่อแลกกับการสนับสนุนในด้านต่างๆ

คำถามที่สำคัญ คือ ท่านจะใช้การเจรจาพูดคุยกับรัฐบาลทหารเมียนมา เพื่อกำจัดขบวนการยาเสพติดในว้าจะสำเร็จได้อย่างไรนั้นเป็นไปไม่ได้ ปัจจุบันรัฐบาลทหารเมียนมาน่าจะควบคุมพื้นที่ภายในเมียนมาประมาณ 45% เท่านั้น หากแหล่งผลิตยาเสพติดที่อยู่ในเขตว้าสามารถคงสภาพการผลิตแบบนี้ต่อไปได้ ประเทศไทยไม่มีทางที่จะปลอดภัยจากภัยคุกคามอย่างยาเสพติดได้เลย

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า นายกฯ อาจจะตอบว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามควบคุมสารตั้งต้นเพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้ผลิตยาบ้า แต่การที่ราคายาเสพติดถูกลงถึงเพียงนี้ ได้แสดงให้เห็นว่าทุกมาตรการที่รัฐบาลล้มเหลว เพราะประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญของการส่งเสริมให้เกิดการผลิตยาเสพติด ในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพวกว้าอีกด้วย เพราะยังต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าในการผลิตยาออกมาอีกด้วย

“รัฐบาลสามารถทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดนี้อ่อนแอลงได้ด้วยการไม่อำนวยความสะดวกส่งไฟล์ให้ปั๊มยาและส่งกลับมาขายไทย หากเราดำเนินการตัดไฟ เราจะสามารถทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้อ่อนแอลงได้” นายรังสิมันต์ กล่าว

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงนโยบายเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ของรัฐบาล การนำเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี และนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มีข้อสังเกตว่ารัฐบาลเลือกที่จะไม่ใช้การเอ่ยถึงคำว่ากาสิโนแม้แต่น้อย ตนจึงไม่มั่นใจถึงแรงจูงใจในการที่จะเลี่ยงกาสิโนว่าหมายถึงอะไร และกังวลถึงความไม่โปร่งใสต่อนโยบายนี้

นายกฯ คนที่แล้ว ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าสถาบันบันเทิงครบวงจรจะสามารถแก้ปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายได้ แต่ตนเองคิดว่าการทำเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์เป็นคนละเรื่องกับการแก้ไขบ่อนการพนันผิดกฎหมายตามชุมชนหรือหัวเมืองต่างๆ ดังนั้นถ้านายกอยากจะเอาจริงเอาจังกับเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ และมาแก้ปัญหาบ่อนการพนันจริงๆ สิ่งแรกคือเรื่องค่าเข้าเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ไม่น่าจะทำให้รายย่อย ที่เข้าบ่อนผิดกฎหมายอยู่แล้ว ตัดสินใจเลือกเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งท่านจะต้องวางนโยบายให้ชัดว่าต้องการอะไร หากต้องการแก้ปัญหาบ่อนการพนันที่ผิดกฎหมาย วิธีการนี้จะไม่มีทางสำเร็จเด็ดขาด ก็ขอให้รัฐบาลคิดให้ขาดก่อนจะดำเนินนโยบายนี้ “อย่าคิดไป ทำไปเด็ดขาด”

”ผมอดตั้งคำถามถึงศักยภาพของรัฐบาลไม่ได้ว่าหากเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ มีธุรกิจสีดำแอบแฝงเข้ามาจริงๆ รัฐบาลนี้จะมีศักยภาพแค่ไหนในการขจัดภัยคุกคามนี้“ นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ตนก็หวังว่าข้อมูลที่ได้ยินมาจะไม่เป็นความจริง การสมคบกันระหว่างนายใหญ่ นายทุน และนายหน้า ขอให้มันเป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอย หวังว่านายกรัฐมนตรีจะพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยความโปร่งใส การที่ตนอภิปรายเรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ว่าทั้งสามเรื่องนี้เกี่ยวกัน และสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด หากเราไม่ระมัดระวังเรื่องนี้ให้ดีก็ไม่ต่างอะไรกับการยกประเทศชาติให้กับทุนเทาดำ ที่พัวพันกับยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ และเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางที่ผิดกฎหมาย

”ปัญหาต่างๆ ของประเทศชาติ เราต้องการความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาของประเทศไทย ประชาชนคนไทยเจ็บปวดมามากพอแล้วกับปัญหา ซิมม้า บัญชีม้า อย่าถึงขนาดให้แม้แต่ตำแหน่งนายกฯ และรัฐมนตรีต่างๆ ต้องกลายเป็นม้าให้กับนายใหญ่ ให้กับพี่ชาย ให้กับครอบครัว ให้กับเพื่อนควบคุมเลย”

“หนึ่งปีที่ผ่านมา ได้สูญเปล่าอย่างสิ้นเชิงไปแล้วด้วยการมีนายกฯ สองคน อย่าทำให้สามปีต่อจากนี้กลายเป็นความเจ๊งของคนไทย เพราะเรามีนายกฯ ม้า ที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ต้องรอคำสั่งจากนายใหญ่ นายกตัวจริง ที่แอบอยู่หลังแสงจันทร์ ประเทศชาติไม่ใช่เรื่องของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งแต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคน“ นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้าย

ภายหลัง นายรังสิมันต์อภิปรายเสร็จ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลุกขึ้นชี้แจงว่า เมื่อได้ฟังสมาชิกอภิปราย ก็คิดว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วยซ้ำ ผิดหวังที่ได้พูดพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นอีกหลายๆ คน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย และไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูดในสภา ต้องแสดงความรับผิดชอบ ตนเข้าใจในความหวังดีอยากเห็นปัญหานี้หมดไป ขอบคุณในคำแนะนำหลายๆ เรื่อง แต่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว

จากนั้น นายรังสิมันต์ จึงลุกขึ้นแย้งกรณีที่นายประเสริฐ ระบุผู้อภิปรายคนสุดท้ายต้องรับผิดชอบ เพราะคิดว่าตนเองเสียหาย ว่า ตนยืนยันข้อมูลที่ได้รับมา เพราะข้อมูลทุกอย่างมาจากหน่วยงานความมั่นคง ฝากท่านรัฐมนตรีนิดหนึ่งว่า ถ้าอยากจะปิดบัญชีม้า ท่านจะต้องมีการดำเนินคดีอย่างจริงจังกับคนที่เปิดบัญชีม้า โดยเริ่มต้นได้ง่ายๆ จาก 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการขายไฟฟ้าบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และเกี่ยวพันกับการยึดอายัดทรัพย์ของพรรคการเมืองหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาคารดังกล่าว ซึ่งสามารถทำได้ทันที “พิสูจน์เรื่องนี้ให้เห็น แล้วผมจะเชื่อว่า ท่านเอาจริงเอาจังในการปราบบัญชีม้า”.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย