นนทบุรี 15 ส.ค.-รองอธิบดีกรมการค้าภายในยืนยันราคาข้าวสารบรรจุถึงตามห้างและตลาดสดยังอยู่ในราคาเดิมยังไม่ขึ้นราคา หลังหารือกับสมาคมผู้บรรจุข้าวถุงแล้ว ระบุขอเฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและอินเดียห้ามส่งออกข้าวขาวก่อน หากต้นทุนสูงมากอาจให้ใช้วิธีบริหารจัดการด้านปรับลดค่าโปรโมชั่นแทน
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า ขณะนี้ กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างเฝ้าติดตามราคาข้าวเปลือกในประเทศปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่อินเดียได้ประกาศห้ามส่งออกข้าวขาวและปัญหาภัยแล้งที่อาจมองว่าราคาข้าวสรรบรรจุถุงจะมีการปรับขึ้นด้วยนั้น หลังจากกรมฯได้มีการหารือกับทางสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทางสมาคมยืนยันจะยังไม่มีการปรับราคาข้าวบรรจุถุงขึ้นในช่วงนี้แต่อย่างใด โดยจะร่วมกับเฝ้าติดตามสถานการณ์ทั้งภัยแล้งและอินเดียห้ามส่งออกข้าวขาวจะมีทางออกในเรื่องนี้อย่างไร
ทั้งนี้ เท่าที่ได้พูดคุยกับทางสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงยังจะแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปก่อนโดยจะตรึงสินค้าข้าวสารบรรจุถุงเอาไว้ตามเดิมไปก่อนเพื่อช่วนแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน ทำให้ราคาข้าวบรรจุถุงตามห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ทั่วประเทศยังจำหน่ายราคาข้าวสารบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัมเป็นราคาเดิม แต่ก็มีกระแสข่าวว่าราคาข้าวสารตามตลาดสดต่างๆร้านค้ามีการปรับขึ้นมาบ้าง ซึ่งกรมฯจะส้งเจ้าหน้าที่สายตรวจออกติดตามและชี้แจ้งให้พ่อค้าแม้ค้าตามตลาดสดอย่าปรับเพิ่มราคาข้าวสารขึ้นในช่วงนี้แต่อย่างใด หากประชาชนพบเห็นตลาดสดใดมีการปรับขึ้นราคาข้าวสารก็ขอร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม หากดูราคาข้าวเปลือกสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยข้าวหอมมะลิ เฉลี่ยอยู่ที่ 15,600 บาทต่อตัน จากสัปดาห์ก่อน 15,125 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี อยู่ที่ตันละ 13,700 บาท จากสัปดาห์ก่อน 12,300 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ปรับขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 12,500 บาท จาก 11,325 บาท และ ข้าวเหนียว อยู่ที่ตันละ 14,900 บาท จากสัปดาห์ก่อน 13,580 บาท
“ขอความร่วมมือไม่ให้มีการปรับขึ้นราคา รวมไปถึงส่งเจ้าหน้าที่ ติดตามการจำหน่ายในห้างค้าปลีกต่างๆ ก็พบว่าระดับราคาไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากจะร่วมตรึงราคาคงเดิมแล้ว ยังมีการจัดโปรโมชั่นลดราคา โดยหมุนเวียนยี่ห้อกันไปต่อเนื่อง แต่หากเกิดสถานการณ์จำเป็น ได้เตรียมแผนทำข้าวถุงราคาโรงงาน ไปเปิดจุดจำหน่ายให้ประชาชนทั่วประเทศได้ทันที โดยยึดหลัก วินวินโมเดล (win win Model) ให้เกษตรกรได้รับประโยชน์เต็มที่ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลผู้บริโภค ไม่ให้ได้รับผลกระทบ” นายอุดมกล่าว.-สำนักข่าวไทย